หากพูดถึงเรื่อง “บริหารตัวแทนจำหน่าย” จริง ๆ แล้วร้านค้าก็สามารถมองว่าตัวแทนเป็นเหมือนลูกค้าประจำของแบรนด์นั่นแหละ แล้วเรามีวิธีในการดูแล “ลูกค้า” กลุ่มนี้ให้อยู่กับเรานาน ๆ นะ? มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่เจ้าของแบรนด์ต้องคำนึงถึงเวลาทำธุรกิจตัวแทนจำหน่าย
1.) ภาพลักษณ์ของแบรนด์ต้องชัดเจน
เมื่อร้านค้าใช้ระบบการขายผ่านตัวแทนจำหน่าย สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือจะทำอย่างไรให้ตัวแทนแต่ละคนสื่อสารแบรนด์ไปในทิศทางเดียวกัน เพราะเมื่อร้านค้ามีตัวแทนจำหน่ายหลายคน สิ่งที่จะเกิดขึ้นหากเจ้าของแบรนด์ไม่มีระบบบริหารจัดการที่ดี คือตัวแทนต่างคนต่างขายของในแบบของตนเอง ทำการตลาด ใช้สื่อ รวมถึงวิธีการสื่อสารที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจทำให้ลูกค้าสับสนและส่งผลถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์โดยรวมได้ ดังนั้นเจ้าของแบรนด์ต้องบริหารตัวแทนของตนให้ดี โดยอาจมีรูปภาพสินค้าที่ชัดเจน สวยงาม มีโลโก้ หรือ template ที่ตัวแทนสามารถเอาไปใช้งานได้ง่าย สามารถสื่อสารแบรนด์ได้ชัดเจน และไปในทิศทางเดียวกัน
2.) ไม่ตั้งราคาตัดกันเอง
เมื่อแบรนด์มีตัวแทนจำหน่ายหลายคน ตัวแทนบางคนอาจมองตัวแทนคนอื่นเป็นเหมือนคู่แข่งของตนเอง เพราะขายสินค้าชนิดเดียวกัน มีฐานลูกค้ากลุ่มเดียวกัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือตัวแทนบางคนตั้งราคาสินค้าของร้านตัวเองถูก เพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาซื้อร้านของตน ตัวแทนคนอื่น ๆ เมื่อขายของไม่ได้ก็เริ่มลดราคาสินค้าร้านตนเองบ้าง เกิดเป็น “สงครามตัวแทนจำหน่าย” ขึ้น เจ้าของแบรนด์บางรายที่ทำการขายสินค้าเองก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะถูกตัดราคา เพื่อเลี่ยงปัญหาน่าปวดหัวนี้ แบรนด์ควรกำหนดราคาขายสินค้าหรือราคาขายขั้นต่ำให้ตัวแทนไปเลย และที่สำคัญคือเจ้าของแบรนด์ก็ต้องไม่ขายสินค้าตัดราคาตัวแทนซะเอง นอกจากนี้การจัดกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของแบรนด์และตัวแทนจำหน่ายก็เป็นวิธีที่ดีในการสร้างความรู้สึกการเป็น “ครอบครัวเดียวกัน” ที่พร้อมจะช่วยให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน ไม่ได้เป็นคู่แข่งนะจ๊ะ ธุรกิจถึงจะอยู่ได้แบบยาว ๆ
3.) ให้ข้อมูลครบถ้วน
เจ้าของแบรนด์ควรช่วยตัวแทนในการส่งเสริมการขาย โดยการให้ข้อมูลสินค้าที่ครบถ้วนแก่ตัวแทนจำหน่าย ซึ่งอาจทำได้โดยการหาระบบมาช่วยให้ตัวแทนสามารถเข้าถึงข้อมูลของสินค้าได้ทันที สามารถเช็ครายละเอียดสินค้าแต่ละชนิดนี้ได้ว่ามีคุณสมบัติอะไร มีจุดเด่นอะไร มีสต๊อกสินค้าเท่าไหร่ พร้อมขายเลยหรือไม่ เพื่อส่งเสริมการขายของตัวแทนให้ลื่นไหล ไม่สะดุด ตัวแทนไม่ต้องมาเสียเวลาถามตอบกับเจ้าของแบรนด์เวลาจะขายของแต่ละครั้ง แต่ตัวแทนสามารถเช็คข้อมูลและตอบลูกค้าเพื่อปิดการขายได้เลยทันที หรือถ้าสินค้าที่ขายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีรายละเอียดหรือขั้นตอนการใช้งานที่ซับซ้อน เจ้าแบรนด์ก็ควรมีการจัดอบรมให้ความรู้แก่พนักงาน เพื่อช่วยให้ตัวแทนสามารถอธิบายให้ข้อมูลแก่ลูกค้าได้ครบถ้วนและสามารถปิดการขายได้ง่ายขึ้น
4.) สั่งซื้อง่าย ไม่ยุ่งยาก
ต่อจากข้อก่อนหน้านี้ที่พูดถึงเรื่องการส่งเสริมการขาย นอกจากการให้ข้อมูลของสินค้าที่ครบถ้วนแล้ว ความง่ายของขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้าก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แบรนด์สามารถช่วยให้ตัวแทนขายสินค้าได้สะดวก รวดเร็วขึ้น การหาระบบหรือแพลตฟอร์มดี ๆ มาใช้กับตัวแทนจำหน่ายก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจและตอบโจทย์การขายของในรูปแบบตัวแทนจำหน่ายแบบไม่สต๊อกสินค้ามาก เพราะแทนที่ตัวแทนจะต้องทักเจ้าของแบรนด์เพื่อทำการสั่งซื้อ รอเช็คสต๊อก รอคอนเฟิร์มออเดอร์ หรือแม้แต่แจ้งข้อมูลการจัดส่งสินค้าลูกค้าทีละราย หากมีระบบมาช่วยให้ตัวแทนสามารถกดเช็คสต๊อกแล้วทำการสั่งซื้อได้เลย พร้อมบันทึกข้อมูลการจัดส่งสินค้าของลูกค้าสำหรับการสั่งซื้อครั้งถัดไป ก็จะช่วยประหยัดเวลาของทั้งตัวแทนและเจ้าของแบรนด์อีกด้วย แถมยังลดปัญหาข้อมูลตกหล่น หรือการจองของซ้ำกัน เป็นต้น
เพียงแค่นำเทคนิค บริหารตัวแทนจำหน่าย ดี ๆ ทั้ง 4 ข้อนี้ไปใช้ ก็จะสามารถลดปัญหาให้กับชาว Dropship ได้อย่างเห็นได้ชัดเลย อย่าลืมไปลองทำตามกันดูนะ หรือหากต้องการตัวช่วยจัดการธุรกิจที่มีตัวแทนจำหน่ายละก็ ZORT มีแพ็กเกจที่ออกแบบมาเพื่อจัดการร้านค้าที่มีตัวแทนจำหน่ายโดยเฉพาะ ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ ZORT Dropship Package
สนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร
Line: @zort
Tel 02-026-6423
