วิธีขอคืนเงินภาษีปี 2566 พร้อมสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีแบบเข้าใจง่าย

3,325 views

วิธีขอคืนเงินภาษีปี 2566 กับสิทธิ์ในการลดหย่อนแบบเข้าใจง่ายที่ต้องรู้

ทำความเข้าใจวิธีการขอคืนเงินภาษีอย่างละเอียดในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเช็คสถานะภาษี ตรวจสอบขอคืนภาษี และอื่น ๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญทั้งมือใหม่และมือเก่าต้องรู้ในทุกปี เพื่อไม่ให้พลาดสิทธิ์ของตัวเอง โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ที่พึ่งก้าวเข้าสู่วัยทำงานหลายคนอาจจะยังไม่มีประสบการณ์ในการเสียภาษีหรือไม่เข้าใจว่าการยื่นภาษีคืออะไร จนเกิดข้อสงสัยและคำถามมากมาย ซึ่งจะพาไปรู้ขั้นตอนและวิธีการเช็คคืนภาษีว่าทำอย่างไร ค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ลดหย่อนได้ และเช็คสถานะภาษีได้ที่ไหน รวมไปถึงถ้ายื่นภาษีไม่ทันควรทำอย่างไร 

ภาษี คืออะไร

ก่อนที่จะเสียภาษีหรือขอคืนเงินภาษี มาเริ่มทำความรู้จักพื้นฐานเกี่ยวกับคำว่า “ภาษี” ว่าคืออะไร  ซึ่งภาษีเป็นภาระที่ประชาชนมีหน้าที่ต้องนำส่งให้แก่ภาครัฐตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อสนับสนุนรัฐและกิจการของรัฐ โดยอาจจะอยู่ในรูปของเงินหรือไม่ก็ได้ ซึ่งเงินที่จ่ายจะถูกนำไปใช้ในการบริหารประเทศ ภาคส่วน หรือท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวม เมื่อคุณได้ทำการจ่ายภาษีหรือเป็นผู้เสียภาษีแล้ว อาจจะไม่ได้รับผลประโยชน์จากภาษีตอบแทนกลับมาโดยตรง

ค่าใช้จ่ายที่นำมาลดหย่อนหรือขอคืนเงินภาษีปี 2566 มีอะไรบ้าง

รู้หรือไม่ว่า ? ค่าใช้จ่ายบางรายการสามารถนำมาลดหย่อนภาษีเพื่อใช้ขอคืนเงินภาษีในแต่ละปีได้ซึ่งมีรายการสำคัญยอดนิยมที่สามารถนำไปขอคืนได้ มาเช็คเงินคืนภาษีปี 2566 ว่ามีอะไรกันบ้าง

รายการลดหย่อนภาษี 

อัตราการลดหย่อนภาษี

ค่าลดหย่อนส่วนตัว 

จำนวน 60,000 บาทซึ่งสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ 

ค่าลดหย่อนคู่สมรส

จำนวน 60,000 บาท (ต้องเป็นคู่สมรสที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องถามกฎหมาย และคู่สมรสจะต้องไม่มีรายได้)

ค่าลดหย่อนบุตร

คนละ 30,000 บาท (บุตรบุญธรรมถูกกฎหมาย หรือบุตรบุญธรรมไม่เกิน 20 ปี หรือไม่เกิน 25 ปี และกำลังศึกษาอยู่) แต่หากอายุเกิน 25 ปีต้องเป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ หากมีบุตรคนที่ 2 ขึ้นไปเกิดในปี พ.ศ. 2561 ก็สามารถลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท

ค่าลดหย่อนบิดามารดา 

คนละ 30,000 บาทโดยสูงสุดไม่เกิน 4 คน หรือสามารถลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 120,000 บาท 

ค่าลดหย่อนผู้พิการ หรือทุพพลภาพ 

คนละ 60,000 บาทซึ่งผู้พิการต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปีและมีบัตรประจำตัวผู้พิการ รวมถึงจะต้องมีหนังสือรับรองการเป็นผู้อุปการะ

ค่าฝากครรภ์และทำคลอด

ตามที่จ่ายจริงในการฝากครรภ์และทำคลอดซึ่งเมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินท้องละ 60,000 บาท 

ค่าเบี้ยประกันชีวิต

ตามที่จ่ายจริงซึ่งเมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท (ส่วนคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้จะลดหย่อนได้ตามจริงไม่เกิน 10,000 บาท)

เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา

ตามที่จ่ายจริงโดยจะต้องไม่เกิน 15,000 บาท 

เบี้ยประกันสุขภาพตนเอง

ตามที่จ่ายจริงโดยจะต้องไม่เกิน 25,000 บาทและเมื่อรวมกับเบี้ยประกันทั่วไปจะต้องไม่เกิน 100,000 บาท

กบข./กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ/กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน 

ตามที่จ่ายจริงโดยจะต้องไม่เกิน 15% ของเงินเดือนและเมื่อรวมกันทั้งหมดต้องไม่เกิน 500,000 บาท 

กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)

ตามที่จ่ายจริงโดยจะต้องไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีโดยเมื่อรวมกับข้อ 10 จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท

เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ

ตามที่จ่ายจริงโดยจะต้องไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีและไม่เกิน 200,000 บาทเมื่อรวมกับข้อ 10 และ RMF ที่ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

เงินประกันสังคม 

ตามที่จ่ายจริงโดยจะต้องไม่เกิน 9,000 บาท

กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)

ตามที่จ่ายจริงโดยจะต้องไม่เกิน 13,200 บาทเมื่อรวมกับข้อ 10 และ RMF และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญต้องไม่เกิน 500,000 บาท

กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)

ตามที่จ่ายจริงโดยจะต้องไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีและไม่เกิน 200,000 บาทเมื่อรวมกับข้อ 10 และ RMF และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญและกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ที่ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

ดอกเบี้ยซื้อที่อยู่อาศัย

ตามที่จ่ายจริงโดยจะต้องไม่เกิน 100,000 บาท

เงินบริจาคพรรคการเมือง

ตามที่จ่ายจริงโดยจะต้องไม่เกิน 10,000 บาท

เงินลงทุนธุรกิจ (Social Enterprise)

ตามที่จ่ายจริงโดยจะต้องไม่เกิน 100,000 บาท

ช้อปดีมีคืน 2565

ตามที่จ่ายจริงโดยจะต้องไม่เกิน 30,000 บาท

เงินบริจาคเพื่อการศึกษา/การกีฬา/การพัฒนาสังคม/โรงพยาบาลรัฐ

2 เท่าของเงินบริจาคตามที่จ่ายจริงโดยจะต้องไม่เกิน 10% – ของเงินหลังจากหักค่าลดหย่อน

เงินบริจาคทั่วไป 

ตามที่จ่ายจริงโดยจะต้องไม่เกิน 10% -ของเงินหลังจากหักค่าลดหย่อน

เช็คเงินคืนภาษีปี 2566 ได้ช่องทางไหนบ้าง

สำหรับใครที่ต้องการเช็คสถานะภาษีสามารถสอบถามการขอคืนภาษี 2566 ได้ 3 ช่องทาง

ดังต่อไปนี้ 

  1. เว็บไซต์กรมสรรพากร http://www.rd.go.th/ > เลือกเมนู e-Refund สอบถามการคืนเงินภาษี และเช็คสถานะภาษีโดยเลือกปีภาษีที่ต้องการค้นหา กรอกชื่อ,สกุล เลขประจำตัวประชาชน หรือเลขผู้เสียภาษีอากร (ระบบจะแสดงปีภาษีให้คัดค้นได้ย้อนหลัง 2 ปีภาษี)
  2. ศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center : 1161)
  3. สำนักงานสรรพากรพื้นที่ตามภูมิลำเนาที่ปรากฏในหน้าแบบแสดงรายการ

เมื่อไหร่ถึงจะได้รับการคืนเงินภาษี

เมื่อเช็คภาษีคืนว่ามีการยื่นเอกสารต่าง ๆ ครบเป็นที่เรียบร้อย ทางกรมสรรพากรจะดำเนินการคืนเงินภาษี ภายใน 3 เดือน โดยในกรณีที่มีเอกสารชัดเจนแสดงว่า ได้มีการเสียภาษีไว้เกิน ผิด ซ้ำหรือไม่มีหน้าที่ต้องเสียนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอคืนเงินภาษีด้วยแบบ ภ.ง.ด.90/91 ที่แจ้งความประสงค์ขอคืนเงินภาษี หรือแบบ ค.10.

ยื่นภาษีไม่ทันควรทำอย่างไร

กรณีที่ผู้ยื่นภาษียื่นไม่ทันภายในระยะเวลาที่กำหนดสามารถยื่นภาษีย้อนหลังได้ด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา แต่ทั้งนี้จะมีบทลงโทษจากการชำระภาษีล่าช้าด้วยการเสียค่าปรับและต้องเตรียมเอกสารประกอบการยื่นแบบภาษี ได้แก่ แบบฟอร์ม ภ.ง.ด.91 หรือ ภ.ง.ด.90. หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)

เป็นอย่างไรกันบ้างกับแนวทางในการตรวจสอบขอคืนเงินภาษีปี 2566 และเช็คสถานะภาษี ซึ่งไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงอาจจะมีหลายขั้นตอนและต้องเตรียมเอกสารให้พร้อมเพื่อให้ไม่เสียเวลา รวมถึงต้องมีการส่งเอกสารในการยื่นภาษีภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า หากคุณยื่นเกินระยะเวลาที่ทางกรมสรรพากรกำหนด อาจมีการเสียค่าปรับที่เกิดจากความล่าช้าในการชำระภาษีได้อีกด้วย 

โดยคุณสามารถตรวจสอบการเช็คคืนภาษี และอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับการขอคืนเงินภาษีปี 2566 ได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร 

สนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โทร 02-026-6423

Line: @zort

0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x