10 อันดับบริษัทโลจิสติกส์ยอดนิยม บริการดี ส่งเร็ว ราคาคุ้มค่า

5,148 views

เปรียบเทียบ 10 อันดับบริษัทโลจิสติกส์ เจ้าไหนส่งเร็ว และราคาสุดคุ้ม

ปัจจุบันหลายธุรกิจเริ่มเติบโตเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขายสินค้า ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น ห้างสรรพสินค้า รวมถึงธุรกิจ E-commerce ถือว่าเติบโตมากขึ้นจากปีก่อนค่อนข้างมาก ซึ่งแต่ละธุรกิจพยายามงัดกลยุทธ์ที่มีออกมาสู้กัน เพื่อชิงความเปรียบเทียบทางธุรกิจ มีการใส่ใจเน้นเรื่องการบริการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้ามากขึ้น จากเดิมที่รอให้ลูกค้าเดินเข้ามาเลือกซื้อสินค้าเอง ก็เปลี่ยนมาขายในรูปแบบออนไลน์ พร้อมบริการจัดส่งถึงบ้าน จึงทำให้หลายธุรกิจจะต้องใช้บริการบริษัทขนส่งเอกชน เพื่อเป็นตัวกลางในการกระจายสินค้าให้กับลูกค้า วันนี้ ZORT จึงได้จัด 10 อันดับบริษัทโลจิสติกส์ ยอดนิยม บริการดี ขนส่งรวดเร็วทันใจ สินค้าถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย มีบริษัทขนส่งน่าใช้ปี 2023 กันบ้าง มาดูกัน

 

เปรียบเทียบ 10 อันดับบริษัทโลจิสติกส์ ขนส่งเจ้าไหนส่งเร็ว ราคาคุ้มกว่ากัน!

 

แน่นอนเมื่อธุรกิจทั้งออฟไลน์และออนไลน์มีการขยายกิจการเติบโตขึ้น จึงส่งผลให้บริษัทโลจิสติกส์เติบโตขึ้นไปด้วยเช่นกัน ซึ่งในบ้านเราก็มีบริษัทขนส่งหลายเจ้าให้เลือกใช้บริการ แต่ละเจ้าก็มีจุดเด่นและราคาที่แตกต่างกันไป อาจทำให้หลายคนตัดสินใจไม่ได้ว่าเลือกใช้บริการขนส่งไหนดีสุด วันนี้ ZORT เลยจะมาเปรียบเทียบมาให้ดูกันชัด ๆ ไปเลยว่า 10 อันดับบริษัทโลจิสติกส์ เหมาะกับธุรกิจและคุ้มค่ามากที่สุด

 

 

 

1. ไปรษณีย์ไทย

จากคำถามที่ว่าขนส่งน่าใช้และน่าเชื่อที่สุด แน่นอนเราก็ต้องยกให้กับบริษัทไปรษณีย์ไทย เป็นบริษัทขนส่งพัสดุของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่อยู่คู่กับคนไทยมานานมาก ๆ ที่มีสาขาบริการทั่วประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ห่างไกลที่บริษัทขนส่งเอกชนไปถึง แถมยังมีบริการที่หลากหลาย สามารถส่งพัสดุได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เลือกได้ว่าอยากส่งพัสดุด่วนหรือไม่ด่วน ของชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ส่งได้หมด มีบริการเก็บเงินปลายอีกด้วย เป็นบริษัทขนส่ง 2023 ที่น่าใช้จริง ๆ

 

จุดเด่นของไปรษณีย์ไทย

  • องค์กรที่เปิดให้บริการมานานและมีความน่าเชื่อถือ
  • มีบริการส่งพัสดุหลายรูปแบบ ทั้งของชิ้นเล็กไปจนถึงชิ้นใหญ่
  • ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทุกตำบล ทุกอำเภอ ทุกจังหวัดของประเทศไทย
  • เจ้าหน้าที่ส่งพัสดุมีความชำนาญเส้นทาง รู้จักทุกตรอกซอกซอยเป็นอย่างดี
  • สามารถตรอบสอบและติดตามสถานะการส่งพัสดุได้ตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง

 

พื้นที่ให้บริการ : ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย

ค่าบริการ : ส่งลงทะเบียน เริ่มต้น 16 บาท / EMS ส่งด่วน เริ่มต้น 25 บาท / ส่งพัสดุ เริ่มต้น 20 บาท

ระยะเวลาในการขนส่ง : กทม. และปริมณฑล 2 – 5 วัน และต่างจังหวัด 5 – 7 วัน

เปิดให้บริการ : วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น. วันเสาร์ เวลา 09.00-12.00 น.

การรับประกัน : สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท

 

 

 

 

2. Kerry Express

คงไม่มีใครรู้จักบริษัทขนส่งพัสดุเอกชนที่มาพร้อมความโดดเด่นด้วยสีส้ม แน่นอนว่าขนส่งน่าใช้ปี 2023 ที่กำลังพูดถึงนั้นก็คือ Kerry Express เป็นบริษัทขนส่งเอกชนเจ้าแรกที่มีบริการเก็บเงินปลายทาง ซึ่งถูกอกถูกใจให้กับลูกค้าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคนที่ชอบช้อปออนไลน์ นอกจากนี้ก็มีจุดให้บริการกว่า 15,000 แห่งทั่วประเทศ ทั้งสาขา Kerry Express และสาขาที่ร่วมกับพาร์ทเนอร์อื่น ๆ Kerry Express และสิ่งที่ถูกใจพ่อค้าแม่ออนไลน์คือมีสาขาย่อยที่อยู่ตามสถานีรถไฟฟ้า จึงถูกให้เป็นขนส่งน่าใช้ในปี 2023

 

จุดเด่นของ Kerry Express

  • เก็บเงินปลายทาง (COD)
  • เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุด
  • มีบรการส่งพัสดุแบบ Sameday ส่งเช้าได้รับเย็น
  • สามารถเรียกให้เจ้าหน้าที่ไปรับพัสดุที่บ้านไปส่งที่สาขาได้ (เฉพาะพื้นที่ที่กำหนด)
  • มีสาขาทั้ง Kerry Express และที่เป็นพาร์ตเนอร์ร่วมกัน เช่น Family Mart เปิด 24 ชั่วโมง, Tops, B2S และตามสถานที่รถไฟฟ้า เป็นต้น

 

พื้นที่ให้บริการ : ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย

ค่าบริการ : กทม.และปริมณฑล เริ่มต้น 25 บาท และต่างจังหวัด เริ่มต้น 25 บาท

ระยะเวลาในการขนส่ง : กทม. และปริมณฑล 1 – 2 วัน และต่างจังหวัด 2 – 3 วัน

เปิดให้บริการ : เปิดให้บริการทุกวัน (ไม่มีวันหยุดราชการ)

การรับประกัน : สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท

 

 

 

3. J&T Express

หากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ถามว่า ขนส่งไหนดีสุด แนะนำ J&T Express บริษัทขนส่งพัสดุเอกชนสัญชาติฮ่องกง ที่มาพร้อมกับสโลแกน Express Your Online Business โดยมุ่งเน้นให้บริการธุรกิจ E-Commerce พร้อมให้ครอบคลุมทั่วประเทศไทย ยังสามารถตรวจสอบการติดตามพัสดุได้ตลอดเวลา มีบริการส่งด่วนภายใน 1 วันถึง ที่สำคัญเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด สะดวกสบายและตอบโจทย์พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เป็นอย่างมาก

 

จุดเด่นของ J&T Express

  • ให้บริการส่งสินค้าที่หลากหลาย
  • มีบริการเก็บเงินปลายทาง (COD)
  • พื้นที่ให้บริการครอบคลุมกว่า 928 อำเภอทั่วประเทศ
  • ติดตามพัสดุ ได้ Rail Time ได้ 3 ช่องทาง แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ ศูนย์บริการลูกค้า Call Center

 

พื้นที่ให้บริการ : ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย

ค่าบริการ : คิดค่าบริการตามน้ำหนัก เริ่มต้น 15 บาท

ระยะเวลาในการขนส่ง : กทม. และปริมณฑล 1 – 2 วัน และต่างจังหวัด 2 – 3 วัน

เปิดให้บริการ : เปิดให้บริการทุกวัน (ไม่มีวันหยุดราชการ)

การรับประกัน : สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท

 

 

 

 

4. Flash Express

Flash Express ถือเป็นหนึ่งใน 10 อันดับบริษัทโลจิสติกส์ที่คนไทยนิยมใช้บริการมากเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งเป็นบริษัทบริการด้านโลจิสติกส์ที่ให้บริการแบบครบวงจร ภายใต้คอนเซปต์ “คิดถึง ส่งถึง In mind In delivery” ถึงแม้ว่าเป็นบริษัทขนส่งน้องใหม่ ที่เพิ่งเปิดให้บริการมาได้เพียง 5 ปี แต่บอกเลยว่ามีลูกค้าใช้บริการเยอะมาก ๆ ด้วยบริการที่ส่งพัสดุรวดเร็ว บริการดี แถมยังเปิดทุกวันไม่มีวันหยุด จึงถูกใจคนทำธุรกิจออนไลน์ อีกทั้งยังมีพื้นที่ให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ ยกให้เป็นขนส่ง 2023 ที่ควรต้องลองใช้บริการ

 

จุดเด่นของ Flash Express

  • ราคาค่อนข้างถูก
  • เปิดให้บริการตลอด 365 วัน ไม่มีวันหยุด
  • บริการหลากหลายและเหมาะสมในแต่ละประเภทของผู้ส่ง
  • บริการเข้ารับสินค้าถึงหน้าร้านหรือบ้าน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
  • บริการส่งพัสดุรูปแบบ Speed การันตี ส่งช้า คืนค่าจัดส่งให้ทันที

 

พื้นที่ให้บริการ : ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย

ค่าบริการ : คิดค่าบริการตามน้ำหนัก เริ่มต้น 22 บาท

ระยะเวลาในการขนส่ง : กทม. และปริมณฑล 1 – 2 วัน และต่างจังหวัด 2 – 3 วัน

เปิดให้บริการ : เปิดให้บริการทุกวัน ไม่มีวันหยุด

การรับประกัน : สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท

 

 

 

 

5. Ninja Van

Ninja Van บริษัทขนส่งพัสดุเอกชนจากประเทศสิงคโปร์ที่เข้ามาตีตลาดประเทศไทยได้สำเร็จ ให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 76 จังหวัดทั่วประเทศ ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถตอบโจทย์ธุรกิจ E-commerce ได้ตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ราคาไม่แพง สามารถติดตามได้แบบ Real-Time มีบริการส่งพัสดุที่หลากหลายทั้งส่งด่วนและส่งปกติ นอกจากนี้แล้ว Ninja Van ยังร่วมเป็นพันธมิตรแพลตฟอร์มชื่อดังหลายเจ้ามาก ๆ รวมถึง ZORT เพื่อช่วยให้ร้านค้าทำงานได้ง่ายขึ้น เรียกได้ว่าเอาใจผู้ใช้สุด ๆ จึงถูกยกให้เป็นขนส่งน่าใช้ปี 2023

 

จุดเด่นของ Ninja Van

  • เก็บเงินปลายทางได้ทุกที่
  • บริการส่งพัสดุสุดด่วนภายใน 1 วัน
  • กำหนดจุดรับ-ส่งสินค้า/พัสดุได้ตามใจ
  • ฟรีบริการรับพัสดุถึงหน้าบ้าน แบบไม่มีขั้นต่ำ
  • สามารถเรียกให้รถเข้ารับพัสดุได้ถึงที่ได้ถึง 1 ทุ่ม

 

พื้นที่ให้บริการ : ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย

ค่าบริการ : คิดค่าบริการตามน้ำหนัก เริ่มต้น 23 บาท

ระยะเวลาในการขนส่ง : กทม. และปริมณฑล 1 – 2 วัน และต่างจังหวัด 2 – 4 วัน

เปิดให้บริการ : หยุดทุกวันอาทิตย์

การรับประกัน : สูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท

 

 

 

 

6. Shopee Xpress 

 Shopee xpress บริษัทให้บริการขนส่งสินค้า ภายใต้การสังกัดของแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดังอย่าง Shopee ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม E-Commerce ขนาดใหญ่ที่มีสาขาทั้งในไทยและต่างประเทศจึงทำให้ได้รับความนิยมค่อนข้างสูงที่การันตีมาด้วยความไว้ใจของผู้ใช้งาน 

 

จุดเด่นของ Shopee Xpress 

  • นัดรับสินค้า (Pick-up) เรียกรถเข้ารับสินค้าถึงที่ 
  • หรือแบบส่งสินค้าด้วยตัวเอง (Drop-off)
  • สามารถปริ้นท์ใบปะหน้าพัสดุได้ง่าย ๆ 
  • เปิดให้บริการทุกวัน
  • บริการดี ส่งไว ปลอดภัย 

 

พื้นที่ให้บริการ : ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย

ค่าบริการ : คิดค่าบริการตามน้ำหนัก เริ่มต้น 27 บาท

ระยะเวลาในการขนส่ง : กทม. และปริมณฑล 1 – 2 วัน และต่างจังหวัด 2 – 4 วัน

เปิดให้บริการ : วันจันทร์ – อาทิตย์

การรับประกัน : สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท

 

 

 

 

7. Sendit

Sendit ซึ่งเป็นบริษัท Startup แห่งแรกภายใต้การสนับสนุน และร่วมทุนของ Ascend Group ซึ่งได้เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2558 โดยมีบริการรับส่งพัสดุ เอกสาร จ่ายเงิน รับเช็ค หรือวางบิลภายในประเทศไทย สามารถเข้าถึงได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นลูกค้าบริษัท ธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดย่อม หรือบุคคลทั่วไป ยิ่งบริษัทที่ไม่มีเมสเซนเจอร์ต้องการที่จะส่งเอกสารสามารถใช้บริการของ Sendit ได้เลย จะมีเครือข่าย Mr.Send เมสเซนเจอร์มืออาชีพที่ผ่านการตรวจสอบประวัติ และฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี ถือเป็นขนส่งน่าใช้ปี 2023 อีกบริษัทหนึ่ง

 

จุดเด่นของ Sendit

  • ค่าบริการถูก
  • มีบริการที่หลากหลาย
  • ติดตามพัสดุได้แบบ Real-Time
  • มีบริการเก็บเงินปลายทาง (COD)

 

พื้นที่ให้บริการ : เฉพาะเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล (นนทบุรี, ปทุมธานี และสมุทรปราการ)

ค่าบริการ : คิดค่าบริการตามน้ำหนัก เริ่มต้น 25 บาท

ระยะเวลาในการขนส่ง : กทม. และปริมณฑล 1 – 2 วัน

เปิดให้บริการ : หยุดทุกวันอาทิตย์

การรับประกัน : สูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท

 

 

 

 

8. CJ Logistics

CJ Logistics บริษัทที่ให้บริการด้านการขนส่งและโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลี หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นชื่อนี้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าบอกว่าเจ้าของธุรกิจนี้คือซัมซุง เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักกันดีอย่างแน่นอน ซึ่งบริษัทโลจิสติกส์อาจจะเป็นที่รู้จักดีในกลุ่มของร้านค้าออนไลน์ เพราะมีบริการในส่วนของการจัดส่งแบบรับจากมือผู้ส่งและไปส่งให้ถึงมือผู้รับ (Door to Door) สามารถจัดส่งพัสดุได้ทั่วประเทศ มีบริการเก็บเงินปลายทางอีกด้วย CJ Logistics ถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มธุรกิจออนไลน์

 

จุดเด่นของ CJ Logistics

  • บริการรับส่งพัสดุถึงหน้าบ้าน
  •  มีบริการเก็บเงินปลายทาง (COD)
  • ติดตามสถานะผ่านทางออนไลน์ได้

 

พื้นที่ให้บริการ : ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย

ค่าบริการ : คิดค่าบริการตามน้ำหนัก เริ่มต้น 24 บาท

ระยะเวลาในการขนส่ง : 1 – 3 วัน กรณีที่พื้นที่ห่างไกล ไม่เกิน 5 วันทำการ

เปิดให้บริการ : หยุดทุกวันอาทิตย์

การรับประกัน : สูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท

 

 

 

9. LOGISTIC PLUS

บริษัท โลจิสท์พลัส จำกัด (LOGISTIC PLUS) อีกหนึ่งบริษัทขนส่งน่าใช้ปี 2023 ด้วยบริการที่หลากหลาย ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ ทั้งการบริการดูแลจัดเก็บสินค้าคงคลัง แบบ B2B ให้สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจขายส่งหรือขายปลีก หรือบริการดูแลจัดเก็บสินค้าแบบ B2C ในส่วนของ Fulfillment จัดเก็บ แพ็ค จัดส่ง เป็นการให้บริการสำหรับร้านค้าออนไลน์ทุกช่องทาง และสามารถครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ยังมีบริการให้เก็บเงินปลายทางอีกด้วย ใครที่ทำธุรกิจค้าขายออนไลน์ หรือธุรกิจ E-Commerce แนะนำใช้ลองบริการโลจิสท์พลัสนี้กันดู น่าจะช่วยให้ทำงานคล่องมากขึ้น

 

จุดเด่นของ LOGISTIC PLUS

  • มีบริการที่มีความหลากหลาย
  • สามารถเรียกเก็บเงินปลายทางได้
  • สามารถจัดส่งสินค้าข้ามแดนไปสู่ประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ได้ภายใน 3 วัน

 

พื้นที่ให้บริการ : ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย

ระยะเวลาในการขนส่ง : กทม. และปริมณฑล 1 – 2 วัน และต่างจังหวัด 2 – 3 วัน

เปิดให้บริการ : เปิดให้บริการทุกวัน ไม่มีวันหยุด

 

 

 

 

10. Siam Outlet

ใครที่ทำธุรกิจค้าขายออนไลน์ หรือธุรกิจ E-Commerce กำลังมองหาขนส่งน่าใช้ปี 2023 เราแนะนำให้ลองใช้บริการ Siam Outlet พร้อมให้บริการลูกค้าองค์กรธุรกิจ และร้านค้าออนไลน์ ตั้งแต่ขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ โดยให้บริการครบวงจรเริ่มกันตั้งแต่การดูแลสต็อก เก็บ แพ็ก ส่งสินค้า ด้วยระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงทำให้มีความแม่นยำ ใช้งานง่าย ที่สำคัญช่วยลดต้นทุน ประหยัดเวลา และเพิ่มความสะดวกสบาย ให้กับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ค้าขายได้ง่ายขึ้น

 

จุดเด่นของ Siam Outlet

  • บริการเก็บเงินปลายทาง COD
  • บริการจัดส่ง Delivery by Siam Outlet ภายใน 1 วัน
  • มีบริการเก็บ แพ็ก ส่งสินค้า e-Fulfillment ครบวงจร
  • ลดต้นทุนและประหยัดเวลาให้กับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์
  • บริการรับสินค้าจากต้นทาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 

พื้นที่ให้บริการ : ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย

ค่าแพ็กสินค้า : เริ่มต้น 13 บาท (รวมซอง/กล่อง และอุปกรณ์แพ็ก)

ระยะเวลาในการขนส่ง : กทม. และปริมณฑล 1 – 2 วัน และต่างจังหวัด 2 – 3 วัน

เปิดให้บริการ : เปิดให้บริการทุกวัน ไม่มีวันหยุด

จากการเปรียบเทียบครบทั้ง 10 อันดับบริษัทโลจิสติกส์ ที่ได้รวบรวมนำมาฝากในบทความนี้ ทุกคนก็คงได้เห็นกันแล้วว่าขนส่งไหนดีสุด น่าใช้และเหมาะกับธุรกิจของเรามากที่สุด และสามารถตอบโจทย์ความต้องการให้กับธุรกิจมากที่สุด ก็ต้องบอกว่าบริษัทขนส่งแต่ละแห่งก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน เช่น Siam Outlet และ LOGISTIC PLUS เหมาะกับธุรกิจค้าขายออนไลน์ หรือธุรกิจ E-Commerce เพราะมีบริการ e-Fulfillment ถ้าใครอยากขนส่งราคาถูกมีให้เลือกใช้หลายเจ้า สำหรับใครที่ต้องการตัวช่วยในธุรกิจขายออนไลน์ สามารถให้ ZORT ช่วยจัดการออเดอร์สินค้าและสต๊อกสินค้าของคุณได้เลย

 

 

สนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โทร 02-026-6423

Line: @zort

0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x