อุปสงค์อุปทานคืออะไร? กฎของอุปสงค์และอุปทานมีอะไรบ้าง?
เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เรียนมาด้านการตลาด หรือการทำธุรกิจโดยตรงจะต้องเคยได้ยินนิยามเกี่ยวกับคำว่าอุปสงค์และอุปทานมาแล้วว่าคืออะไร แต่สำหรับใครที่ไม่จบสายเหล่านี้มาโดยตรงอาจจะเคยเห็นผ่าน ๆ เกี่ยวกับกฎของอุปสงค์และอุปทาน ในบทความนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับคำทั้งสองนี้อย่างละเอียดว่า แท้จริงแล้วอุปสงค์คืออะไร? และจะมีความหมายแตกต่างกับคำว่าอุปทานอย่างไร? ถ้าพร้อมแล้วตามมาดูกันเลยอุปสงค์คืออะไร?
คำว่าอุปสงค์หรือที่เรามักจะใช้เรียกทับศัพท์กันอย่างติดปากว่า Demand นั้นหมายถึงปริมาณความต้องการที่จะซื้อสินค้าประเภทใดประเภทหนึ่ง โดยมักจะใช้เรียกแทนกลุ่มผู้บริโภคหรือผู้มีกำลังที่จะจับจ่ายสินค้าชนิดนั้น ๆ เท่านั้นที่จะจัดว่าอยู่ในกลุ่มของอุปสงค์ โดยปัจจัยที่มีผลต่อการกำหนดอุปสงค์นั้นมีอยู่หลายอย่าง อาทิ กระแสความนิยม รายได้ รสนิยม ฤดูกาล ราคา เป็นต้นอุปสงค์มี 2 ประเภทคือ?
สำหรับอุปสงค์ในสินค้าและบริการโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 2ประเภท คือ- อุปสงค์แต่ละบุคคล
- อุปสงค์รวม
ปัจจัยที่กำหนดอุปสงค์และอุปทาน
- ราคาสินค้า
- รายได้
- จำนวนผู้ซื้อ
- วัฒนธรรม
กฎของอุปสงค์และอุปทาน
กฎอุปสงค์และอุปทานนั้นเป็นคำเรียกของหลักการ ที่อธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างราคา และปริมาณของความต้องการซื้อหรือขาย- กฎของอุปสงค์
- กฎของอุปทาน
ความสัมพันธ์ของอุปสงค์และอุปทาน
วามสัมพันธ์ของอุปสงค์และอุปทานคือ การที่ตลาดนั้นมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ดุลยภาพ (Equilibrium) หรือความสมดุลของตลาด หมายความว่ามีปริมาณของอุปสงค์และอุปทานที่เท่ากัน จะเรียกราคาที่อยู่ในภาวะดุลยภาพนี้ว่า “ราคาดุลยภาพ” และปริมาณสินค้าเรียกว่า “ปริมาณดุลยภาพ” หากมีปริมาณอุปสงค์มากกว่าปริมาณอุปทาน ก็จะเกิดการขาดแคลนสินค้า (อุปสงค์ส่วนเกิน) แต่ถ้ามีปริมาณอุปทานมากกว่าปริมาณอุปสงค์ ก็จะเกิดสินค้าล้นตลาด (อุปทานส่วนเกิน)การเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทาน
กฎของอุปสงค์และอุปทานนั้นอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างราคา และปริมาณสินค้า เมื่อปัจจัยอื่น ๆ คงที่ แต่ถ้ามีปัจจัยที่เข้ามาทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง แน่นอนว่าก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งอุปสงค์หรืออุปทาน ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าปัจจัยที่จะมากำหนดอุปสงค์หลัก ๆ นั้นมีทั้ง รายได้ ราคาของสินค้า รสนิยม จำนวนผู้ซื้อ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องกับกฎของอุปสงค์และอุปทานคือ ความยืดหยุ่น (Elasticity) ซึ่งตามหลักทฤษฎีของอุปสงค์และอุปทานนั้น ความยืดหยุ่นคือ การวัดการเปลี่ยนแปลงของปริมาณอุปสงค์หรืออุปทานต่อปัจจัยที่เข้ามามีส่วนในการกำหนดอุปสงค์หรืออุปทาน กรณีที่พบได้บ่อยคือความยืดหยุ่นในเรื่องของราคา ซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงของปริมาณอุปสงค์หรืออุปทานที่มีต่อความเปลี่ยนแปลงของราคา จากข้อมูลทั้งหมดจะเห็นได้ว่าอุปสงค์และอุปทานนั้นมีการเปลี่ยนแปลงร่วมกันแบบแปรผันตรง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยกระตุ้นหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความต้องการ ความขาดแคลน กระแสความนิยม ฯลฯ ที่ทำให้เกิดการทำงานของอุปสงค์และอุปทานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ นั่นเองสนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร 02-026-6423
Line: @zort