รับมือ Burnout Syndrome ภาวะหมดไฟในการทำงาน จะไปต่อหรือพอแค่นี้?

รู้จัก Burnout Syndrome ภาวะหมดไฟจากการทำงาน
“จงเรียนรู้ในการใช้ชีวิตให้ Balance หมั่นเติมความสุขให้ชีวิต อย่าหลงระเริงกับคำของคนเพียงเพราะเขาบอกว่ามันดี เพราะชีวิตคุณจะ “อยู่” กับคุณตลอดกาล”
ช่วงนี้เป็นช่วงที่หลายๆคนเริ่มหันกลับมาให้ความสำคัญกับตัวเองมากขึ้นในเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพใจ ทั้งจากที่ทำงานก็ดี จากสถานการณ์โควิด-19 ภายนอกก็ดี จนหลายๆคนพบว่าตัวเองมีอาการความทุกข์หลายอย่างที่เจอมาในชีวิต เป็นอาการเดียวกันกับภาวะซึมเศร้า เช่นเครียด หงุดหงิด หมดแรงจูงใจในการทำงาน ไม่มีสมาธิ จนทำให้เกิดความกังวลตามมา ซึ่งจริงๆแล้วอาการดังกล่าวไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ของโรคภาวะซึมเศร้าอย่างมีนัยยะ แต่กลับกันอาการเหล่านี้อาจเป็นตัวบ่งชี้ถึงภาวะหมดไฟในการทำงานหรือ การ Burnout นั่นเอง
ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout Syndrome) คือภาวะหมดไฟ หรืออาการเหนื่อยล้าจากการทำงานที่เกิดจากเพื่อร่วมงาน หัวหน้างาน หรือแม้กระทั่งงานที่หนักเกินไป (Work ไร้ Balance) อาการโดยทั่วไปของภาวะหมดไฟในการทำงาน มักมีอาการคล้ายๆคนเป็นโรคซึมเศร้า มีความกังวลในเรื่องต่างๆสูง และเกิดอาการสับสนไม่เข้าใจ จัดลำดับความคิดของงานไม่ได้ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากปริมาณงานที่มากเกินไปในแต่ละวันทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง และอาจถึงขั้นมีความผิดปกติทางด้านความคิดและความรู้สึก จากนั้นจะค่อยๆรู้สึกไม่ชอบตัวเอง คิดว่าตัวเองทำงานไม่ได้ตรงเป้าทั้งที่จริงๆแล้วอาจไม่ใช่แบบนั้น และนำไปสู่การ “ฆ่าตัวตาย” ก็เป็นได้
ซึ่งเราจะแบ่งภาวะของการหมดไฟในการทำงานเป็น 5 ระยะดังต่อไปนี้
- ระยะฮันนีมูน (The honeymoon) เป็นช่วงเริ่มงาน คนทำงานมีความตั้งใจ เสียสละเพื่องานเต็มที่ พยายามปรับตัวกับเพื่อนร่วมงาน และองค์กร
- ระยะรู้สึกตัว (The awakening) เมื่อเวลาผ่านไป คนทำงานเริ่มรู้สึกว่าความคาดหวังของตนอาจไม่ตรงกับความเป็นจริง เริ่มรู้สึกว่างานไม่ตอบสนองกับความต้องการของตนทั้งในแง่การตอบแทน และการเป็นที่ยอมรับ คนทำงานอาจรู้สึกว่าชีวิตดำเนินอย่างผิดพลาด และไม่สามารถจัดการได้ ทำให้เกิดความขับข้องใจ และเหนื่อยล้า
- ระยะไฟตก (Brownout) คนที่งานรู้สึกเหนื่อยล้าเรื้อรัง และหงุดหงิดง่ายขึ้นอย่างชัดเจน อาจมีการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อหนีความขับข้องใจ เช่น ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ดื่มสุรา ส่งผลให้ความสามารถในการทำงานเริ่มลดลง อาจเริ่มมีการแยกตัวจากเพื่อนร่วมงาน มีการวิพากษ์วิจารณ์องค์กรของตนเอง
- ระยะหมดไฟเต็มที่ (Full scale of burnout) หากช่วงไฟตกไม่ได้รับการแก้ไข คนทำงานจะเริ่มรู้สึกสิ้นหวัง มีความรู้สึกว่าตนเองล้มเหลว สูญเสียความมั่นใจในตนเองไป มีอาการของภาวะหมดไฟเต็มที่
- ระยะฟื้นตัว (The phoenix phenomenon) หากคนทำงานได้มีโอกาสผ่อนคลาย และพักผ่อนอย่างเต็มที่ จะสามารถกลับมาปรับตนเองและความคาดหวังต่องานให้ตรงกับความเป็นจริงมากขึ้น รวมถึงสามารถปรับแรงบันดาลใจ และเป้าหมายในการทำงานด้วย
ถ้าคุณกำลังพบว่าคุณเข้าข่ายภาวะ หรือระยะของการ Burnout ข้างต้นคุณอาจต้องปรับสมดุลในการทำงานและการใช้ชีวิตทันทีก่อนจะสายไป!
วิธีรับมืออาการ Burnout Syndrome ที่เราแนะนำสามารถทำให้หายด้วยตัวเองดังต่อไปนี้
1.การจัดระเบียบการใช้ชีวิตซะใหม่ จัดลำดับความสำคัญของงานพร้อมทั้งโฟกัสงานแต่ชิ้นที่เราให้ความสำคัญที่สุดให้ออกมาดี และเสร็จในเวลาไม่เอางานกลับมาทำที่บ้านเพื่อสร้าง Balance ให้แก่ชีวิต
2.ปรับทัศนคติในการทำงานของคุณ ปรับความเข้าใจในเรื่องความเครียดในการทำงานของคุณซะใหม่ เพราะความเครียดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติจากการทำงาน และไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายเสมอไป อาจเป็นสิ่งที่ช่วยให้เรามีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเพราะทำงานเหล่านั้นสำเร็จ!
3.พักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งหากเป็นไปได้คุณควรลาพักร้อนในช่วงเวลาสั้นๆที่คุณมีความเครียดสะสมมากเกินไป เพื่อเป็นการรีเฟรชตัวเอง และกลับมาทำงานที่เหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4.งดการใช้ Social Media ในวันพักผ่อน นี่คือสิ่งที่จะทำให้คุณเกิดภาวะ Burnout โดยไม่รู้ตัวเพราะ Social Media หลายๆ แพลตฟอร์ม เปรียบเสมือนแหล่งรวมงานที่อาจจะทำให้คุณเครียดในวันหยุดของคุณ เช่นการตอบ Line หรือการตอบอีเมลนั่นเอง อีกทั้ง Social Media ยังเป็นแหล่งรวมคำโอ้อวดของชาวโซเชียลมีเดียหลายๆคน การทำให้เห็นชีวิตตัวเองในมุมที่ดีของบางคนอาจทำให้เราเกิดอาการเครียด และอิจฉาได้ เพราะฉะนั้นใช้ให้น้อยลงจะช่วยให้คุณหายเป็นปกติจากภาวะหมดไฟในการทำงานได้
5.ผ่อนคลายด้วยกิจกรรมที่คุณชื่นชอบ การพักผ่อนที่ดีที่สุดคือการทำในสิ่งที่ตัวเองชอบนั่นถูกแล้ว การทำกิจกรรมต่างๆที่เป็นเหมือนงานอดิเรกของคุณในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือหลังเลิกงานทำให้ช่วยลดภาวะความเครียด และทำให้คุณลบความกังวลต่องาน และ Project นั้นๆไปได้ชั่วขณะ นั่นเอง
6.ออกจากความคิดในแง่ลบ สังคมการทำงานในปัจจุบันมักมีคนที่หลากหลาย ร้อยพ่อพันแม่มากมาย ซึ่งก็จะมีคนทั้งดี และไม่ดี คิดในแง่บวก และคิดในแง่ลบ สิ่งที่เราควรทำคือหลีกเลี่ยงคนที่มองโลกในแง่ร้าย และใช้เวลากับตัวเอง และคนที่มองโลกในแง่ดีมากขึ้นเพื่อให้คนเหล่านั้นส่งต่อพลังบวกมาให้เรานั่นเอง
และนี่ก็คือตัวอย่างอารการและวิธีการรับมือ Burnout Syndrome ภาวะหมดไฟจากการทำงาน ที่เมื่อคุณสังเกตว่าคุณกำลังเข้าข่ายภาวะดังกล่าวแล้ว ให้คุณทำตามวิธีรับมืออย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาอาการของคุณ หากคุณมีอาการรุนแรงจนรักษาด้วยตนเองไม่หาย ให้รีบปรึกษาแพทย์ด่วน ก่อนจะสายเกินแก้ ZORT ระบบจัดการออเดอร์และสต๊อกขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังต่อสู้กับภาวะหมดไฟในการทำงานให้ผ่านพ้นไปให้ได้ ด้วย ZORT ระบบจัดการร้านค้าระบบเดียวตอบโจทย์ทุกความต้องการของการซื้อขายสินค้าออนไลน์และออฟไลน์อย่างครบวงจร ให้คุณทำธุรกิจอย่างมีความสุข ไม่เครียดอีกต่อไป
ขอบคุณที่มา: Mahidol.ac.th
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร 02.026-6423
Line: @zort