คลิกเดียวรู้เรื่อง! ภาษีโฆษณาออนไลน์คืออะไร ต้องเสียภาษียังไง มาดู

ยิงแอดโฆษณา ต้องจ่ายภาษี
845 views

ทำโฆษณาออนไลน์ระวังให้ดี! 2021 นี้ภาษีโฆษณาออนไลน์มาแล้ว

ยิงแอดโฆษณา ต้องจ่ายภาษี

       สำหรับหลาย ๆ คนเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมาก็อาจเป็นเดือนปกติทั่วไป แต่สำหรับคนที่โลดแล่นอยู่ในวงการ Online Marketing แล้ว เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาสด ๆ ร้อน ๆ นับว่าเป็นเดือนที่ร้อนหนาวไม่ใช่น้อยเมื่อ Facebook เตรียมให้ผู้ใช้บริการโฆษณา หรือสายยิง Facebook Ads ทั้งหลายต้องเสียภาษีโฆษณาออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป โดยจะเสียเป็นค่า VAT 7% หรือพูดง่าย ๆ ต่อไปนี้จะวางแผนทำค่าโฆษณากับ Facebook ก็ต้องคำนวณภาษีเข้าไปด้วย ซึ่งในบางกรณี หรือบางแอคเคาท์นั้น การเพิ่มขึ้นของภาษีก็ยังส่งผลให้ต้นทุนในการทำโฆษณาเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งหากผู้ประกอบการหรือสายยิงโฆษณาคนไหนยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ หรือไม่แน่ใจว่าภาษี Facebook นี้มาได้อย่างไร และจะต้องเตรียมยื่นภาษีแบบไหน ในวันนี ZORT จะขอมาอธิบายและสรุปทุกประเด็นให้ทุกคนได้เข้าใจง่าย ๆ เอง

ทำโฆษณาออนไลน์ระวังภาษีโฆษณาออนไลน์ไม่รู้ตัว - Zortout

 

เคลียร์ให้เข้าใจ! ภาษีโฆษณาออนไลน์มาจากไหน

       แน่นอนว่าเมื่อมีเก็บภาษี Facebook ขึ้นมา หลาย ๆ คนคงอาจเกิดข้อสงสัยหลัก ๆ 2 ข้อ คือ Facebook เสียภาษีในไทยได้อย่างไร และการทำโฆษณาตัวกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ จะเสียภาษีเหมือนกันไหม โดย ZORT ขอแยกตอบออกเป็น 2 ประเด็น ดังนี้

Facebook เสียภาษีในไทยได้อย่างไร?

       แท้จริงแล้ว เหตุผลที่ Facebook ออกมาประกาศเช่นนี้นั้นเกิดขึ้นจากการ ‘ประกาศใช้กฎหมาย e-Service’ ที่ผ่านมติการเห็นชอบตั้งแต่ปี 2563 ที่ผ่านมาแล้ว โดยกฎหมาย e-Service นี้ถูกบัญญัติขึ้นเพื่อเป็นกฎหมายการเก็บภาษีในรูปแบบของภาษีมูลค่าเพิ่มกับธุรกิจที่ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ประเภทต่าง ๆ เช่น ดาวน์โหลดสินค้าและบริการประเภทต่าง ๆ เช่น เพลง ภาพยนตร์ สื่อโฆษณา และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่อย่างไรก็ดี กฎหมาย e-Service ก็ยังระบุไว้ว่า ธุรกิจที่ต้องเสียภาษีในส่วนนี้จำเป็นที่จะต้องมีรายได้จากการให้บริการในประเทศไทยเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีเท่านั้น ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ แพลตฟอร์มที่ให้บริการด้านสื่อโฆษณาแบบ Facebook เองก็ต้องเสียภาษี และทำให้มีการเปลี่ยนแปลงค่าโฆษณาบน Facebook ปี 2021 ใหม่ด้วย

ค่าโฆษณาบนแพลตฟอร์มอื่นมี VAT ด้วยไหม?

       อย่างที่บอกไปข้างต้นในเรื่องของกฎหมาย e-Service แน่นอนว่า แพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Google, Line, TikTok, Netflix และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่มีการให้บริการดาวน์โหลดและให้บริการสื่อโฆษณาก็จะต้องเสียภาษีโฆษณาออนไลน์ในส่วนนี้เช่นกัน โดยการเก็บ VAT ในส่วนนี้ ในกรณีของ Facebook นั้น ตัวระบบจะทำการคิดค่าโฆษณาบน Facebook ที่ไม่ได้รวมภาษีไว้ แต่จะมาคิด VAT แยกออกจากงบโฆษณา ซึ่งการเพิ่มขึ้นมาของภาษีก็เหมือนเป็นการเพิ่มต้นทุนในการสายโฆษณา รวมถึงผู้ประกอบการเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ การคิดภาษียังจะปรากฏอยู่ในทุกแอคเคาท์ของการทำโฆษณา เพราะฉะนั้น ต่อให้ใช้บัญชีส่วนตัว หรือเปิดบัญชีใหม่เพื่อทำโฆษณาก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงภาษีในส่วนนี้ได้

เช็กประเภทภาษีก่อนจะเสียภาษีโฆษณาออนไลน์

       การเสียภาษีโฆษณาออนไลน์นั้นจำเป็นต้องเข้าใจความแตกต่างและรายละเอียดของภาษีแต่ละประเภทให้ดี โดยภาษีที่อาจมีผลกระทบจากการที่ Facebook เสียภาษีในไทยนั้นจะมีด้วยกัน 2 ประเภท ดังนี้

1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT

       หลายคนอาจมองว่า การเพิ่มขึ้นของภาษีนั้นจะทำให้ต้นการยิงโฆษณาสูงขึ้นถึง 7% และทำให้ค่าโฆษณา Facebook ปี 2021 เปลี่ยนไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากนักทำโฆษณาออนไลน์คนไหนได้ยื่น ภพ. 36 เป็นประจำหรือเป็นธุรกิจที่จด VAT และยื่น ภพ. 36 อยู่แล้วก็จะไม่ต้องเสียภาษีออนไลน์โฆษณาเพิ่มเติม เนื่องจากบัญชีเหล่านี้มีการเสียภาษีให้รัฐเรียบร้อยแล้ว

       แต่นอกจากการเสียภาษีเป็นประจำอยู่แล้ว ZORT ยังอยากขอให้นักยิงโฆษณาทุกคนลองกลับมาพิจารณาถึงการหักค่าใช้จ่ายก่อนยื่นภาษีด้วย โดยทั่วไปแล้ว การหักค่าใช้จ่ายยื่นภาษีสำหรับภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นจะมีด้วยกัน 2 ประเภท คือ หักแบบเหมาจ่าย และ หักแบบค่าใช้จ่ายตามจริง ซึ่งหากเป็นแบบเหมาจ่ายจะไม่สามารถนำค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมมาหักภาษีได้ แต่หากเป็นแบบหักตามค่าใช้จ่ายตามจริงก็จะสามารถนำมาหักตอนคำนวณภาษีได้ก็ต่อเมื่อสามารถพิสูจน์ได้ว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้มีหลักฐานอยู่จริง และต้องมี ‘ชื่อผู้ของเรา’ ในฐานะเป็นผู้ซื้อโฆษณาด้วย

2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล

       นอกเหนือจาก VAT หรือภาษีมูลค่าเพิ่มที่อธิบายไปข้างต้นแล้ว ยังมี ‘ภาษีเงินได้นิติบุคคล’ ที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับการทำโฆษณาออนไลน์ได้เช่นกัน ดังนั้น เพื่อเป็นการพิจารณาและช่วยเตรียมการได้รอบด้าน เรายังต้องเข้าใจถึงภาษีประเภทนี้ด้วยเช่นกัน

       ภาษีเงินได้นิติบุคคล คือ ภาษีตามประมวลรัษฎากรระบุไว้ให้บริษัทหรือห้างนิติบุคคลเป็นผู้เสียภาษี ซึ่งโดยปกติแล้วจะคำนวณจากกำไรสุทธิที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเวลา 12 เดือน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น รายจ่ายบางประเภทก็ยังสามารถนำมาหักในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลเช่นกัน โดยรายจ่ายเหล่านี้จะต้องเป็นรายจ่ายที่เกี่ยวกับกิจการ และมีหลักฐานที่มี ‘ชื่อบริษัท’ ถูกต้องชัดเจน 

       แล้วเมื่อเป็นเช่นนี้ ภาษีเงินได้นิติบุคคลเกี่ยวข้องกับภาษี Facebook หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ อย่างไร ZORT ขออธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า หากธุรกิจของเราได้จดชื่อเป็นบริษัท หรือนิติบุคคล เราสามารถออกหลักฐานการทำโฆษณากับ Facebook หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ เป็นรายจ่ายที่เป็น ‘ชื่อบริษัท’ เพื่อนำมาเป็นหลักฐานในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้

ต้องยื่นภาษีโฆษณาออนไลน์อย่างไร - Zortout

 

ต้องยื่นภาษีส่วนนี้อย่างไร?

       เมื่อเข้าใจประเภทของภาษีที่อาจเกี่ยวข้องกับภาษีโฆษณาออนไลน์แล้ว ทีนี้ก็มาดูถึงขั้นตอนการเตรียมยื่นภาษี Facebook และแพลตฟอร์มต่าง ๆ กัน โดย Zort ขอทำลิสต์รายละเอียดให้ทุกคนได้เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้

1. เช็กบริษัทที่ทำโฆษณาด้วยให้ดี

       หากเราใช้บริการโฆษณากับบริษัทที่จดทะเบียนดำเนินกิจการในประเทศไทย เราสามารถขอใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบเพื่อทำการขอยื่นคืนภาษีได้ แต่ถ้าหากเราซื้อหรือใช้บริการโฆษณากับบริษัทต่างประเทศ เราจะต้องทำการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มแทนบริษัทที่เราใช้บริการด้วย ซึ่งหลังจากจ่ายภาษีโฆษณาออนไลน์ในส่วนนี้แทนบริษัทต่างประเทศไปแล้ว เรายังสามารถทำเรื่องขอคืนภาษีในส่วนนี้กับกรมสรรพากรได้

2. เตรียมเอกสารให้พร้อมยื่น ภ.พ. 36

       เมื่ออ่านมาถึงจุดนี้ หลายคนอาจมองว่า การเสียภาษี Facebook และภาษีโฆษณานั้นเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ ZORT ขอย้ำเลยว่า การกรอกภ.พ. 36 และเสียภาษีตามกฎหมายนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำ เพราะนอกจากจะไม่เสี่ยงต่อการตรวจสอบย้อนหลังแล้ว การยื่น ภ.พ. 36 ยังช่วยให้เราเงินภาษีบางส่วนคืนอีกด้วย โดยขั้นตอนการยื่น ภ.พ. 36 เพื่อขอคืนภาษีนั้นจะมีขั้นตอน ดังนี้

เอกสารที่ต้องใช้

  1. ใบเสร็จหรือหลักฐานการจ่ายเงินที่เป็น ‘ชื่อของเรา’ หรือ ‘ชื่อบริษัท’ ซึ่งชื่อในส่วนนี้จะแตกต่างกันไปตามประเภทของภาษี 
  2. ฟอร์ม ภ.พ. 36 ที่สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ของสรรพากร

ขั้นตอนการกรอก

  1. กรอกข้อมูลผู้นำส่งภาษีให้ครบ ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้จะเป็นข้อมูลของเราและกิจการของเรา
  2. กรอกข้อมูลการจ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการให้ครบ และระบุเป็น ‘ค่าโฆษณา’
  3. กรอกภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคิดจากสูตร 

ภาษีมูลค่าเพิ่ม = ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น x 7%

       สุดท้ายนี้ ZORT หวังว่าข้อมูลที่นำมาฝากนี้จะช่วยตอบข้อสงสัยให้กับเจ้าของธุรกิจและนักทำโฆษณาออนไลน์ทุกคนได้เข้าใจถึงภาษีโฆษณาออนไลน์ และภาษี Facebook รวมถึงแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้ อย่าลืมนำข้อมูลเหล่านี้เก็บไปใช้เพื่อช่วยให้ธุรกิจของเราปรับตัวได้แม้สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่ก็ตาม

บทความอื่น ๆ ที่คุณอาจสนใจ

ยกระดับ! การแก้ปัญหาขายของออนไลน์หลายช่องทางอย่างไร? ให้มีประสิทธิภาพ ไม่โดนคอมเพลน

ส่องปัญหาขายของออนไลน์หลายช่องทางที่พบเจอ พร้อมวิธีการแก้ปัญหาที่ยกระดับผ่านการวางแผนและเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อลดปัญหาที่ตามมา ไม่ให้ลูกค้าคอมเพลน

อ่านเพิ่มเติม »

เอาชนะใจลูกค้าด้วยข้อมูลผ่าน Sale Report ที่คนทำธุรกิจควรรู้!

ไขข้อสงสัยทำไม Sale Report ถึงสำคัญ ?อแล้วมีประโยชน์กับธุรกิจอย่างไรและหากอยากเริ่มต้นทำรายการขายต้องเริ่มอย่างไร

อ่านเพิ่มเติม »

รวมเทคนิคการใช้ระบบ POS จัดการธุรกิจมีหน้าร้านและขายบนออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำความรู้จักระบบ POS คืออะไร? ทำไมถึงช่วยจัดการร้านค้าให้ทำงานได้ง่ายขึ้น พร้อมแชร์ข้อดี-ข้อเสีย รวมถึงทริคต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจของคุณ

อ่านเพิ่มเติม »
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x