กลยุทธ์ FOMO คืออะไร เล่นกับใจลูกค้ายังไงให้รู้สึกอยากซื้อมากขึ้น

4 views

รู้จักการตลาดแบบ FOMO กระตุ้นยอดขายด้วยความรู้สึก “กลัวตกเทรนด์”

 

เคยมั้ยเวลากดเข้าแอป Shopee หรือ LAZADA แล้วเจอคำโฆษณาว่า “Flash Sale” หรือ “สินค้าใกล้หมดแล้ว” ก็จะรู้สึกว้าวุ่นใจ จะไม่แน่ใจจะซื้อเลยหรือค่อยซื้อทีหลังที ซึ่งการตลาดแบบนี้มีหลักการจิตวิทยาที่ชื่อว่า Fear Of Missing Out (FOMO) อยู่เบื้องหลัง เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว หลักการนี้มีที่มาอย่างไร แล้วจะเอามาปรับใช้กับการตลาดได้อย่างไรบ้าง

 

Highlight & Summary

  • FOMO หรือ Fear Of Missing Out เป็นพฤติกรรมของคนที่กลัวตกเทรนด์ ไม่ทันกระแส ทำให้ติด Social Media แทบจะตลอดเวลา เพราะไม่อยากพลาดข่าวสารใด ๆ เลย
  • สามารถนำหลักการ FOMO ปรับใช้กับกลยุทธ์การตลาดได้ เช่น “สินค้าจำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลย” “สินค้า Limited Edition” หรือ “ลดราคาพิเศษแค่ 2 ชั่วโมง” เป็นต้น
  • FOMO ช่วยให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจซื้ออย่างรวดเร็ว แต่ถ้าใช้บ่อยเกินไปอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกว่ามันไม่พิเศษ และความน่าเชื่อถือต่อแบรนด์ลดลงด้วย

 

 

 

FOMO คืออะไร

FOMO ย่อมาจาก Fear Of Missing Out เป็นหลักการจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่ใช้อธิบายพฤติกรรม หรือความรู้สึกของคนที่กลัวตกเทรนด์ พลาดประสบการณ์ หรือโอกาสดี ๆ ส่วนหนึ่งมาจากการที่สื่อออนไลน์ที่เข้าถึงทุกคนได้ง่ายขึ้น ซึ่งคนที่มีอาการ FOMO ก็จะติดโทรศัพท์มาก ๆ และเช็กพยายาม Social Media ตลอดเวลา


โดยคำว่า FOMO ถูกบัญญัติขึ้นเมื่อปี 1996 โดย “Dr. Dan Herman” ซึ่งเขาคิดคำนี้ขึ้นมาเพื่อทำการวิจัยตลาด ในเวลาต่อมาก็มีงานวิจัยในปี 2018 จาก Carleton University และ McGill University เป็นการทดลองอาการ FOMO กับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 จากนั้นแนวคิดนี้ก็เริ่มแพร่หลายมากขึ้นเรื่อย ๆ มาจนถึงปัจจุบัน

 

 

How to ออกแบบกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับหลักการ FOMO 

มีธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่นำหลักจิตวิทยา Fear Of Missing Out มาใช้กับกลยุทธ์การตลาด เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ซึ่งมีวิธีอะไรบ้างนั้น มาดูกัน

 

ข้อเสนอแบบจำกัด

“จำกัดของแถมเฉพาะ 100 ออเดอร์แรก” “ลดราคา 50% เฉพาะวันนี้เท่านั้น” “สินค้ามีจำนวนจำกัด” หรือ “Flash Sale” แบบมีระยะเวลานับถอยหลังที่เรามักจะเห็นตามแอป Shopee และ LAZADA เป็นกลยุทธ์ FOMO ที่ทำให้คนกดสั่งซื้อผลิตภัณฑ์อย่างรวดเร็ว

 

สินค้า Limited Edition

กลยุทธ์ FOMO ใช้ได้ผลดีกับสินค้าประเภท Limited Edition คอลเลกชันพิเศษที่ร่วมมือกับดาราศิลปิน หรือ Collab กับแบรนด์ต่าง ๆ เพราะเป็นสินค้าที่หมดแล้วหมดเลย ไม่มีขายอีกแล้วในอนาคต

 

โปรโมตหนัก ๆ บน Social Media

ไหน ๆ คนก็ติด Social Media กันอยู่แล้วก็ใช้ช่องทางเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการทำคอนเทนต์นับเวลาถอยหลัง บอกจำนวนสินค้าที่เหลือ แจ้งเตือนโปรโมชันไปยังผู้ติดตามทุกคน หรือทำเป็นกิจกรรมให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมกับเพจ เป็นต้น

 

ร้านค้าไหนที่ขาย[นหลายช่องทาง ทั้ง Facebook, LINE SHOPPING, และ TikTok Shop ขอแนะนำแพ็กเกจ “ZORT Social Commerce” ตัวช่วยแม่ค้าโซเชียล ช่วยคุณรวบรวมออเดอร์และจัดการอย่างเป็นระบบ สามารถสร้างออเดอร์และสรุปยอดคำสั่งซื้อผ่านแชทได้เลย ทดลองใช้งานได้เลยวันนี้!

 

 

 

ทำไมการตลาดแบบ Fear Of Missing Out ถึงใช้ได้ผล

 

คนกลัวตกเทรนด์

เวลามีเทรนด์ใหม่ ๆ เกิดขึ้น คนก็ไม่อยากพลาด ยิ่งถ้าเกิดประเด็นดังขึ้นมาก็อยากติดตามข่าวสารให้ทันคนอื่น เพราะกลัวคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่องหรือถูกหาว่าเชย FOMO จึงเป็นเหมือนการกดดันทางอ้อม ให้เราทำตามคนในสังคมแบบทันทีทันใด ในเชิงการตลาดก็เช่นกัน ถ้าเสื้อลายนี้กำลังฮิต คนใส่ทั่วบ้านทั่วเมือง ถ้าเราไม่ซื้อตอนนี้ก็เหมือนคนไม่ทันกระแส ทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อเร็วขึ้นนั่นเอง

 

อยากได้สิทธิพิเศษเหนือคนอื่น

ถ้าขายสินค้าแบบจำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลย ไม่ว่าใครก็อยากซื้อแถมยังเกิดความคิดที่ว่า “ถ้าฉันซื้อทัน ฉันก็จะเหนือกว่าคนอื่น” ทำให้การตลาดแบบ Fear Of Missing Out ใช้ได้ผลมาก ๆ นั่นเอง

 

สรุป

แม้ว่ากลยุทธ์การตลาดแบบ Fear Of Missing Out จะช่วยทำให้ลูกค้ากล้าลองสินค้าใหม่ ๆ และเป็นวิธีการเพิ่มยอดขายอย่างรวดเร็ว แต่ทางกลับกันก็อาจส่งผลเสีย เช่น พอซื้อสินค้ามาแล้วไม่ได้ใช้จริง หรือใช้มากเกินไปจนลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์นี้ลดราคาเป็นปกติ เลยไม่ตัดสินใจซื้อทันที เพราะขาดความรู้สึกพิเศษ ความน่าเชื่อถือแบรนด์ก็ลดลง ดังนั้น ควรออกแบบกลยุทธ์ที่จริงใจและนึกถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก

 

 

 

สนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โทร 02-026-6423

Line: @zort