กลยุทธ์ FOMO คืออะไร เล่นกับใจลูกค้ายังไงให้รู้สึกอยากซื้อมากขึ้น

39 views

รู้จักการตลาดแบบ FOMO กระตุ้นยอดขายด้วยความรู้สึก “กลัวตกเทรนด์”

 

เคยมั้ยเวลากดเข้าแอป Shopee หรือ LAZADA แล้วเจอคำโฆษณาว่า “Flash Sale” หรือ “สินค้าใกล้หมดแล้ว” ก็จะรู้สึกว้าวุ่นใจ จะไม่แน่ใจจะซื้อเลยหรือค่อยซื้อทีหลังที ซึ่งการตลาดแบบนี้มีหลักการจิตวิทยาที่ชื่อว่า Fear Of Missing Out (FOMO) อยู่เบื้องหลัง เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว หลักการนี้มีที่มาอย่างไร แล้วจะเอามาปรับใช้กับการตลาดได้อย่างไรบ้าง

 

Highlight & Summary

  • FOMO หรือ Fear Of Missing Out เป็นพฤติกรรมของคนที่กลัวตกเทรนด์ ไม่ทันกระแส ทำให้ติด Social Media แทบจะตลอดเวลา เพราะไม่อยากพลาดข่าวสารใด ๆ เลย
  • สามารถนำหลักการ FOMO ปรับใช้กับกลยุทธ์การตลาดได้ เช่น “สินค้าจำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลย” “สินค้า Limited Edition” หรือ “ลดราคาพิเศษแค่ 2 ชั่วโมง” เป็นต้น
  • FOMO ช่วยให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจซื้ออย่างรวดเร็ว แต่ถ้าใช้บ่อยเกินไปอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกว่ามันไม่พิเศษ และความน่าเชื่อถือต่อแบรนด์ลดลงด้วย

 

 

 

FOMO คืออะไร

FOMO ย่อมาจาก Fear Of Missing Out เป็นหลักการจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่ใช้อธิบายพฤติกรรม หรือความรู้สึกของคนที่กลัวตกเทรนด์ พลาดประสบการณ์ หรือโอกาสดี ๆ ส่วนหนึ่งมาจากการที่สื่อออนไลน์ที่เข้าถึงทุกคนได้ง่ายขึ้น ซึ่งคนที่มีอาการ FOMO ก็จะติดโทรศัพท์มาก ๆ และเช็กพยายาม Social Media ตลอดเวลา


โดยคำว่า FOMO ถูกบัญญัติขึ้นเมื่อปี 1996 โดย “Dr. Dan Herman” ซึ่งเขาคิดคำนี้ขึ้นมาเพื่อทำการวิจัยตลาด ในเวลาต่อมาก็มีงานวิจัยในปี 2018 จาก Carleton University และ McGill University เป็นการทดลองอาการ FOMO กับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 จากนั้นแนวคิดนี้ก็เริ่มแพร่หลายมากขึ้นเรื่อย ๆ มาจนถึงปัจจุบัน

 

 

How to ออกแบบกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับหลักการ FOMO 

มีธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่นำหลักจิตวิทยา Fear Of Missing Out มาใช้กับกลยุทธ์การตลาด เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ซึ่งมีวิธีอะไรบ้างนั้น มาดูกัน

 

ข้อเสนอแบบจำกัด

“จำกัดของแถมเฉพาะ 100 ออเดอร์แรก” “ลดราคา 50% เฉพาะวันนี้เท่านั้น” “สินค้ามีจำนวนจำกัด” หรือ “Flash Sale” แบบมีระยะเวลานับถอยหลังที่เรามักจะเห็นตามแอป Shopee และ LAZADA เป็นกลยุทธ์ FOMO ที่ทำให้คนกดสั่งซื้อผลิตภัณฑ์อย่างรวดเร็ว

 

สินค้า Limited Edition

กลยุทธ์ FOMO ใช้ได้ผลดีกับสินค้าประเภท Limited Edition คอลเลกชันพิเศษที่ร่วมมือกับดาราศิลปิน หรือ Collab กับแบรนด์ต่าง ๆ เพราะเป็นสินค้าที่หมดแล้วหมดเลย ไม่มีขายอีกแล้วในอนาคต

 

โปรโมตหนัก ๆ บน Social Media

ไหน ๆ คนก็ติด Social Media กันอยู่แล้วก็ใช้ช่องทางเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการทำคอนเทนต์นับเวลาถอยหลัง บอกจำนวนสินค้าที่เหลือ แจ้งเตือนโปรโมชันไปยังผู้ติดตามทุกคน หรือทำเป็นกิจกรรมให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมกับเพจ เป็นต้น

 

ร้านค้าไหนที่ขาย[นหลายช่องทาง ทั้ง Facebook, LINE SHOPPING, และ TikTok Shop ขอแนะนำแพ็กเกจ “ZORT Social Commerce” ตัวช่วยแม่ค้าโซเชียล ช่วยคุณรวบรวมออเดอร์และจัดการอย่างเป็นระบบ สามารถสร้างออเดอร์และสรุปยอดคำสั่งซื้อผ่านแชทได้เลย ทดลองใช้งานได้เลยวันนี้!

 

 

 

ทำไมการตลาดแบบ Fear Of Missing Out ถึงใช้ได้ผล

 

คนกลัวตกเทรนด์

เวลามีเทรนด์ใหม่ ๆ เกิดขึ้น คนก็ไม่อยากพลาด ยิ่งถ้าเกิดประเด็นดังขึ้นมาก็อยากติดตามข่าวสารให้ทันคนอื่น เพราะกลัวคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่องหรือถูกหาว่าเชย FOMO จึงเป็นเหมือนการกดดันทางอ้อม ให้เราทำตามคนในสังคมแบบทันทีทันใด ในเชิงการตลาดก็เช่นกัน ถ้าเสื้อลายนี้กำลังฮิต คนใส่ทั่วบ้านทั่วเมือง ถ้าเราไม่ซื้อตอนนี้ก็เหมือนคนไม่ทันกระแส ทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อเร็วขึ้นนั่นเอง

 

อยากได้สิทธิพิเศษเหนือคนอื่น

ถ้าขายสินค้าแบบจำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลย ไม่ว่าใครก็อยากซื้อแถมยังเกิดความคิดที่ว่า “ถ้าฉันซื้อทัน ฉันก็จะเหนือกว่าคนอื่น” ทำให้การตลาดแบบ Fear Of Missing Out ใช้ได้ผลมาก ๆ นั่นเอง

 

สรุป

แม้ว่ากลยุทธ์การตลาดแบบ Fear Of Missing Out จะช่วยทำให้ลูกค้ากล้าลองสินค้าใหม่ ๆ และเป็นวิธีการเพิ่มยอดขายอย่างรวดเร็ว แต่ทางกลับกันก็อาจส่งผลเสีย เช่น พอซื้อสินค้ามาแล้วไม่ได้ใช้จริง หรือใช้มากเกินไปจนลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์นี้ลดราคาเป็นปกติ เลยไม่ตัดสินใจซื้อทันที เพราะขาดความรู้สึกพิเศษ ความน่าเชื่อถือแบรนด์ก็ลดลง ดังนั้น ควรออกแบบกลยุทธ์ที่จริงใจและนึกถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก

 

 

 

สนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โทร 02-026-6423

Line: @zort