โปรแกรม canva คืออะไร พร้อมแนะนำฟีเจอร์และคู่มือการใช้ canva

11,549 views

canva คืออะไร ทำไมถึงนิยมและคนไม่มีพื้นฐานกราฟิกใช้งานได้ไหม ?

รู้จักเครื่องมือออกแบบกราฟิกออนไลน์บนแพลตฟอร์ที่กำลังได้รับความนิยมที่มาพร้อมกลยุทธ์ต่าง ๆ ให้เหมาะกับการนำไปใช้งานไม่ว่าจะออกแบบพรีเซเทชั่น ทำใบสมัครงาน หรือปรับแต่งีดิโอเพื่อโพสต์ลงบนสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ให้ปัง สะดุดแบบฉุดไม่อยู่ผ่านโปรแกรมสุดฮอตในปีนี้ “Canva” ซึ่งโปรแกรม canva คืออะไร ประโยชน์แอพมีอะไรบ้าง พร้อมข้อดีข้อเสียและวิธีการใช้งานเบื้องต้นที่คนไม่มีพื้นฐานก้สามารถทำได้เองแบบง่าย ๆ 

Canva คืออะไร

โปรแกรม canva คือ แพลตฟอร์มที่ใช้ในการออกแบบกราฟิก (Graphic) ต่าง ๆ ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบอาทิ เช่น พรีเซนเทชั่น ไวท์บอร์ด โปสเตอร์ (แนวตั้ง แนวนอน) เอกสาร เรซูเม่ วีดิโอ ใบปลิว ใบประกาศ โลโก้ รวมไปถึงภาพเคลื่อนไหวเพื่อนำไปลงในสื่อโซเซียลมีเดียต่าง ๆ อาทิ เฟสบุ๊ก ติ๊กต๊อก อินสตราแกรม ทวิตเตอร์ ไลน์ หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ ตามความต้องการของผู้ใช้งาน 

ประโยชน์ของแอพ Canva มีอะไรบ้าง

ก่อนอื่นจะเล่าถึงประโยชน์ของโปรแกรม canva มีอะไรบ้าง โดยหลัก ๆ ก็จะใช้ประโยชน์ในการนำไปสามารถสร้างรูปภาพ หรือวีดีโอที่สวยงามได้อย่างรวดเร็ว แม้ไม่มีพื้นฐานก็ใช้งานได้โดยแบ่งออกเป็น 4 แบบหลัก ๆ ดังนี้

  • Template ตัวช่วยประหยัดเวลาที่มีแบบเทมเพลตให้เลือกในการนำไปใช้งานแต่ละประเภทมากกว่า 60,000 เทมเพลตจากนักออกแบบมืออาชีพ 
  • Photo Tool เครื่องมือในการค้นหารูปภาพฟรี หรือสามารถนำรูปภาพของคุณมาปรับแต่งให้ดูสวยงามเข้ากับข้อความได้อย่างลงตัว 
  • Text Tool ให้คุณบอกเล่าเรื่องราวผ่านการจับคู่ภาพ + ข้อความที่สามารถจัดรูปแบบ เคลื่อนย้ายและตกแต่งข้อความให้เหมาะกับประเภทของสื่อต่าง ๆ ที่รองรับ Google Font
  • Teams ให้คุณทำงานร่วมกับคนอื่น ๆ เนื่องจากสามารถสร้างทีมในการออกแบบชิ้นงานร่วมกันได้แบบเรียลไทม์ที่สามารถแสดงความคิดเห็น ให้คำแนะนำได้ทันที

เทียบชัดข้อดี-ข้อเสียในการใช้ Canva

ข้อดี Canva

ข้อเสีย Canva

  • มีเทมเพลตให้เลือกกว่า 60,000 แบบจากมืออาชีพ 
  • มีระบบรองรับภาษาไทย 
  • รองรับการทำชิ้นงานหลายประเภท อาทิ พรีเซนเทชั่น, ไวท์บอร์ด, โปสเตอร์, เรซูเม่, วีดิโอและโลโก้ เป็นต้น 
  • สามารถแชร์ไปยัง Social Media ต่าง ๆ เช่น เฟสบุ๊ก, ติ๊กต๊อก, อินสตราแกรม, ทวิตเตอร์และไลน์ได้ทันที 
  • เหมาะกับทุกคน แม้คนที่ไม่มีพื้นฐานด้านกราฟิกก็สามารถใช้งานได้
  • มีเครื่องมือให้เลือกหลายหลาย เช่น แบรนด์, Content Planer, Smartmockups, การเชิญสมาชิก 
  • สามารถแชร์งาน หรือแก้ไขร่วมกับทีมได้แบบเรียลไทม์ (Real-Time)
  • ต้องมีอินเทอร์เน็ต (Internet) ในการเชื่อมต่อ
  • บางฟีเจอร์ หรือเท็มเพลตต้องชำระค่าสมัครสมาชิก

อัตราค่าใช้จ่าย Canva ในแต่ละรูปแบบ 

Canva ฟรี

Canva Pro

Canva สำหรับทีม

  • ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • (0 บาท/1 ปี สำหรับ 1 คนขึ้นไป)
  • 1,850 บาท
  • (1,850 บาท/1 ปี สำหรับ 1 คน)
  • 2,990 บาท
  • (1,850 บาท/1 ปี สำหรับ 5 คนแรก)

นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขอื่น ๆ เช่นการใช้เพื่อการศึกษา หรือแบบไม่แสงวงหากำไรโดยสามารถดูรายละเอียดสิทธิ์การใช้งานของ Canva แต่ละรูปแบบเพิ่มเติมได้ที่ Canva

วิธีการใช้งาน Canva เบื้องต้น

สำหรับผู้ที่เริ่มต้น หรือกำลังสนใจใช้งานโปรแกรม Canva จะมีวิธีการใช้ canva เบื้องต้น 5 ขั้นตอน ดังนี้ 

  1. สมัครสมาชิก Canva สำหรับคนที่ไม่เคยสมัครสมาชิก Canva สามารถสมัครผ่านการ login บน Google, Facebook หรือจะสมัครผ่านอีเมล์ส่วนตัวก็ได้เช่นเดียวกันซึ่งมีทั้งรูปแบบฟรีและต้องชำระเงินให้เลือกใช้บริการ
  2. เลือกการออกแบบ Canva ที่ต้องการ หลังจาก Login เสร็จสิ้น สามารถคลิกขวาเพื่อสร้างงานออกแบบ (Create a Design) โดยสามารถเลือกสร้างได้ทัังพรีเซนเทชั่น ไวท์บอร์ด โปสเตอร์ (แนวตั้ง แนวนอน) เอกสาร เรซูเม่ วีดิโอ ใบปลิว ใบประกาศ โลโก้ รวมไปถึงภาพเคลื่อนไหว
  3. เลือก Template ให้เหมาะต่อการใช้งาน โดยสำหรับสมาชิกแบบฟรีก็มีเทมเพลตจำนวนมากให้เลือกใช้งาน แต่ในบางเทมเพลตจำเป้นต้องเสียเงินซึ่งหากไม่อยากเสียเงินก็สามารถเลือกใช้เทมเพลตฟรีได้
  4. ปรับแต่งชิ้นงาน เมื่อได้เทมเพลตที่ต้องการแล้วสามารถปรับแต่งชิ้นงานได้ตามความต้องการโดยแบ่งตามองค์ประกอบและฟีเจอร์ต่าง ๆ ดังนี้
    • Photo หรือรูปภาพก็จะมีให้เลือกทั้งแบบฟรีและเสียเงิน รวมถึงการอัพโหลดจากอุปกรณ์ของเราเอง 
    • Element จะเป็นพวกไอคอน หรือรูปร่างต่าง ๆ นำมาใช้เป็นองค์ประกอบในการออกแบบเพิ่มสีสันมากขึ้น 
    • Font รูปแบบตัวอักษรซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นในส่วนของฟร้อนภาษาอังกฤษที่มีหลายรูปแบบ ในส่วนของฟร้อนท์ภาษาไทยก็มีให้เลือกใช้ แต่ไม่เยอะมากซึ่งหากต้องการใช้รูปแบบฟร้อนท์ที่หลากหลายสามารถสมัครสมาชิกแบบเสียค่าใช้จ่าย 
    • Color สีที่ใช้ควรให้สอดคล้องกับ element ซึ่ง canva ยังมีสีแนะนำเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน
  5. การบันทึก (Save) เมื่อออกแบบชิ้นงานเสร็จเรียบร้อยขั้นตอนสุดท้ายจะเป็นการบันทึกไฟล์ซึ่งจะมีชนิดไฟล์ในการบันทึกหลายแบบ อาทิ JPEG, PNG, GIF และ PDF ซึ่งสามารถเลือกบันทึกได้ทั้งแบบหนึ่งหน้า หรือทุกหน้าก็ได้ แต่ส่วนการบันทึกแบบโปร่งแสง (Transparent) จะเป็นฟีเจอร์ที่ต้องเสียเงินไม่สามารถใช้ในรูปแบบฟรีได้ 
    • Photo หรือรูปภาพก็จะมีให้เลือกทั้งแบบฟรีและเสียเงิน รวมถึงการอัพโหลดจากอุปกรณ์ของเราเอง 
    • Element จะเป็นพวกไอคอน หรือรูปร่างต่าง ๆ นำมาใช้เป็นองค์ประกอบในการออกแบบเพิ่มสีสันมากขึ้น 
    • Font รูปแบบตัวอักษรซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นในส่วนของฟร้อนภาษาอังกฤษที่มีหลายรูปแบบ ในส่วนของฟร้อนท์ภาษาไทยก็มีให้เลือกใช้ แต่ไม่เยอะมากซึ่งหากต้องการใช้รูปแบบฟร้อนท์ที่หลากหลายสามารถสมัครสมาชิกแบบเสียค่าใช้จ่าย 
    • Color สีที่ใช้ควรให้สอดคล้องกับ element ซึ่ง canva ยังมีสีแนะนำเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน

5. การบันทึก (Save) เมื่อออกแบบชิ้นงานเสร็จเรียบร้อยขั้นตอนสุดท้ายจะเป็นการบันทึกไฟล์ซึ่งจะมีชนิดไฟล์ในการบันทึกหลายแบบ อาทิ JPEG, PNG, GIF และ PDF ซึ่งสามารถเลือกบันทึกได้ทั้งแบบหนึ่งหน้า หรือทุกหน้าก็ได้ แต่ส่วนการบันทึกแบบโปร่งแสง (Transparent) จะเป็นฟีเจอร์ที่ต้องเสียเงินไม่สามารถใช้ในรูปแบบฟรีได้ 

 

การใช้ Canva จึงเป็นตัวช่วยในการทำงานกราฟิกให้ดูมืออาชีพมากขึ้น แม้จะไม่มีพื้นฐานก็สามารถออกแบบการทำงานให้ดูโปรได้ โดยสำหรับใครที่กำลังสนใจออกแบบงานกราฟิกแต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดีสามารถเลือกใช้ Canva ที่มีทั้งแบบใช้ฟรีและสมัครสมาชิกรายปี รวมถึงยังสามารถแชร์การทำงานเป็นทีมแบบเรียลไทม์ซึ่งยังเหมาะต่อการทำงานในองค์กร รวมถึงโรงเรียน หรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรยังสามารถมาสมัครเพื่อรับส่วนลด หรือใช้ฟรีตามเงื่อนไขของ Canva ได้อีกด้วย

สนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร

โทร 02.026-6423

Line: @zort

0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x