eCo-Post คืออะไร? บริการ “ส่งหนักประหยัดกว่าลงทะเบียน” ที่ร้านค้าออนไลน์นิยมใช้
การแข่งขันบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในช่วงนี้ดุเดือดมาก ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไรก็ตามต้นทุนการขนส่ง คือตัวแปรสำคัญที่กำหนดกำไรและราคาขายสุดท้ายของสินค้าคุณ
หากคุณเคยประสบปัญหาสินค้ามีน้ำหนักเกิน 2 กิโลกรัม จนไม่สามารถใช้บริการไปรษณีย์ลงทะเบียนได้ แต่ก็ไม่อยากแบกรับภาระค่าส่ง EMS ที่สูงเกินไป
ไปรษณีย์ไทยจึงได้พัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ช่องว่างนี้โดยเฉพาะ นั่นคือ eCo-Post (Electronic Commerce Post) ที่ช่วยให้ร้านค้าออนไลน์สามารถลดต้นทุนตรงนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทความนี้จะพาไปเจาะลึกทุกประเด็นที่คุณอยากรู้ตั้งแต่ eCo-Post คืออะไร ไปจนถึงอัตราค่าส่ง eCo-Post ล่าสุด พร้อมวิธีเช็กสถานะพัสดุที่ทำตามได้ทันที
ทำความรู้จัก eCo-Post และข้อกำหนดสำคัญที่ควรรู้
eCo-Post (Electronic Commerce Post) เป็นบริการส่งพัสดุในประเทศที่ไปรษณีย์ไทย พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ตลาดอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ วัตถุประสงค์หลักคือการช่วยให้ร้านค้าจัดส่ง สินค้าขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ได้ในราคาที่ประหยัดและคุ้มค่ามาก
บริการนี้สร้างมาเพื่อพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องการความน่าเชื่อถือ และมีระบบติดตามสถานะพัสดุ (Tracking) ให้ตรวจสอบได้ แต่มีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าบริการด่วนพิเศษ (EMS) อย่างมาก
ส่งพัสดุสินค้าแบบ eCo-Post กับไปรษณีย์ไทยให้ง่ายยิ่งขึ้น ขอแนะนำ วิธีส่งสินค้าโดยไปรษณีย์ไทยผ่านระบบ ZORT
ข้อกำหนดเบื้องต้นและเงื่อนไขสำคัญของ eCo-Post
เพื่อให้การส่ง eCo-Post เป็นไปอย่างราบรื่นและหลีกเลี่ยงปัญหา ณ ที่ทำการไปรษณีย์ คุณจำเป็นต้องทราบเงื่อนไขสำคัญดังนี้
ข้อจำกัดด้านน้ำหนักและขนาดพัสดุ
- น้ำหนักสูงสุด: พัสดุแต่ละชิ้นต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัมต่อชิ้น
- ขนาดพัสดุ: ผลรวมของความกว้าง ความยาว และความสูงรวมกันต้องไม่เกิน 120 เซนติเมตร โดยด้านที่ยาวที่สุดต้องไม่เกิน 60 เซนติเมตร (ข้อจำกัดนี้สำคัญมากเพราะทำให้ eCo-Post แตกต่างจากการส่งลงทะเบียนทั่วไป)
ระยะเวลาจัดส่งและการรับฝาก
- ระยะเวลาจัดส่งมาตรฐาน: eCo-Post มีมาตรฐานการนำส่งที่เทียบเท่าบริการลงทะเบียน คือโดยประมาณ 2-5 วันทำการ (ขึ้นอยู่กับพื้นที่ต้นทาง-ปลายทาง และพื้นที่ห่างไกล)
- จุดรับฝาก: โดยทั่วไปผู้ใช้บริการจะต้องนำพัสดุไปส่ง ณ ที่ทำการไปรษณีย์ที่กำหนดไว้เท่านั้น หรือผ่านระบบของพันธมิตรผู้ให้บริการ
วงเงินชดเชยความเสียหาย
วงเงินชดเชยความเสียหาย: บริการนี้มีการรับประกันความเสียหายหรือสูญหายสูงสุด 1,500 บาทต่อชิ้น (ตามมูลค่าความเสียหายจริง)
eCo-Post ต่างกับพัสดุลงทะเบียนและ EMS อย่างไร
เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ลองดูความแตกต่างแบบเจาะลึกในตารางเปรียบเทียบนี้
eCo-Post ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อแทนที่บริการจัดส่งแบบลงทะเบียน แต่เป็นบริการการจัดส่งที่ออกแบบมาเพื่อเป็นทางเลือกหลักสำหรับพัสดุที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 2.1-10 กิโลกรัม โดยมีจุดเด่นเรื่องความปลอดภัยที่สูงกว่าลงทะเบียนแบบเดิมมาก (ด้วยวงเงินชดเชย 1,500 บาท) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้าออนไลน์ของคุณ
อัตราค่าส่ง eCo-Post (ปี 2568) การคำนวณเพื่อกำไรที่เพิ่มขึ้น
ข้อมูลด้านล่างนี้คืออัตราค่าบริการโดยประมาณ (ณ ปี 2568) ที่ไม่รวมพื้นที่พิเศษ
อัตราค่าส่ง eCo-Post ถูกออกแบบมาให้คุ้มค่าอย่างมากสำหรับพัสดุที่มีน้ำหนักมาก โดยเฉพาะตั้งแต่ 4 กิโลกรัมขึ้นไป เมื่อเทียบกับบริการส่งด่วนแล้ว eCo-Post ลดต้นทุนต่อชิ้นได้เยอะขึ้น แถมยังเป็นการเพิ่มกำไรโดยไม่ลดคุณภาพให้กับลูกค้าอีกด้วย
วิธีใช้บริการ eCo-Post
การใช้บริการ eCo-Post ต้องเตรียมตัวและทำตามขั้นตอนให้ถูกต้อง เพื่อให้พัสดุส่งถึงมือลูกค้าได้เร็วและปลอดภัย ซึ่งวิธีการใช้บริการ eCo-Post ทาง ZORT ได้สรุป Steps สำคัญแบบเข้าใจง่ายมาให้คุณแล้ว ดังนี้
การจัดการพัสดุ
เนื่องจาก eCo-Post มีวงเงินชดเชยสูงถึง 1,500 บาท แต่การชดเชยจะไม่เกิดขึ้น หากความเสียหายเกิดจากการบรรจุไม่แข็งแรง ดังนั้น ร้านค้าควรใส่ใจใน 3 ขั้นตอนหลักนี้
- เลือกกล่องที่เหมาะสม: ควรใช้กล่องที่แข็งแรงและมีขนาดที่พอดีกับสินค้า ไม่ควรให้สินค้ากระแทกกับกล่องโดยตรงเพื่อลดโอกาสเสียหาย
- ใช้วัสดุกันกระแทก: ใช้ Bubble Wrap หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ยัดรอบสินค้าให้แน่นหนา โดยเฉพาะสินค้าที่บอบบาง เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวภายในกล่อง
- ปิดผนึกแน่นหนา: ใช้เทปปิดผนึกอย่างน้อย 3 จุด (กลางและซ้ายขวา) เพื่อป้องกันกล่องเปิดออก หรือเสียหายระหว่างการขนส่ง
อ่านสาระและบทความดี ๆ เพิ่มเติมเลยที่ รวมเทคนิค 5 วิธี “แพ็คสินค้า” ให้คุ้มค่า ปลอดภัย ไม่เพิ่มทุน
ขั้นตอนการนำพัสดุไปฝากส่ง eCo-Post ที่ไปรษณีย์
เมื่อเตรียมพัสดุเรียบร้อยแล้ว การนำฝากก็เป็นขั้นตอนที่ไม่ควรพลาดรายละเอียด
- เตรียมข้อมูลที่อยู่: เขียนชื่อที่อยู่ผู้รับและผู้ส่งให้ชัดเจนและครบถ้วน เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการจัดส่ง
- ชั่งน้ำหนักเบื้องต้น: คำนวณน้ำหนักพัสดุให้ดีที่สุดเพื่อตรวจสอบค่าบริการล่วงหน้า จะได้เตรียมเงินให้พอดี
- แจ้งเจ้าหน้าที่ชัดเจน: เมื่อถึงที่ทำการไปรษณีย์ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่อย่างชัดเจนว่าต้องการฝากส่งแบบ “eCo-Post“
- ตรวจสอบใบเสร็จ: ตรวจสอบความถูกต้องของเลขพัสดุและค่าบริการก่อนออกจากที่ทำการทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้หมายเลขติดตามพัสดุ
วิธีเช็กสถานะพัสดุ eCo-Post
การติดตามสถานะการจัดส่งพัสดุเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างยิ่งของ eCo-Post ซึ่งช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบความคืบหน้าของสินค้าได้ตลอดเวลา เพียงทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
- คัดลอกเลขพัสดุ eCo-Post 13 หลัก (มักขึ้นต้นด้วยตัวอักษร E และตามด้วยตัวเลข)
- คลิกที่ลิงก์ตรวจสอบสถานะ
- วางหมายเลขพัสดุลงในช่องค้นหา แล้วกดติดตาม
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
eCo-Post สามารถส่งของเหลวหรืออาหารได้ไหม?
โดยทั่วไปสามารถส่งได้ แต่มีเงื่อนไขเข้มงวด ของเหลวจะต้องได้รับการบรรจุในภาชนะที่มิดชิดและเหมาะสมกับการขนส่ง ส่วนสินค้าอุปโภค/บริโภคจะต้องไม่เป็นสินค้าที่เน่าเสียง่าย
สามารถซื้อกล่อง eCo-Post ได้ที่ไหน?
บริการ eCo-Post เป็นบริการขนส่งที่รับฝากสิ่งของ ไม่ได้มีกล่องเฉพาะเจาะจง ผู้ใช้บริการสามารถใช้ กล่องพัสดุทั่วไปที่มีขนาดตามข้อจำกัดที่กำหนดไว้ แล้วนำไปฝากส่งแบบ eCo-Post ณ ที่ทำการไปรษณีย์ที่กำหนดหรือผ่านพันธมิตรผู้ให้บริการได้เลย
บทสรุป
eCo-Post ถือเป็นบริการสำคัญที่ช่วยให้ร้านค้าออนไลน์จำนวนมากสามารถลดต้นทุนการขนส่งได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อธุรกิจของคุณเติบโตและมียอดสั่งซื้อสูงขึ้น ความซับซ้อนในการจัดการออเดอร์และสต๊อกสินค้าที่เพิ่มขึ้น อาจกลายเป็นข้อจำกัด
เพื่อให้การใช้บริการ eCo-Post มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดข้อผิดพลาดในการแพ็คสินค้าและการออกเลขติดตามพัสดุ ZORT จึงเป็นเครื่องมือที่ร้านค้าออนไลน์จำนวนมากไว้วางใจ เพราะเป็นระบบที่รวมออเดอร์ จัดการสต๊อก และมาพร้อมกับบริการจัดส่งสินค้าด้วยระบบการขนส่งสินค้าออนไลน์ที่ช่วยให้ทุกขั้นตอนการจัดส่งของคุณง่ายดายและครบวงจร
สนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร 02-026-6423
Line: @zort
