Sale Page เหมาะธุรกิจประเภทไหน แนะนำ 7 สิ่งที่ควรมีบนหน้า Sale Page

แน่นอนการทำธุรกิจออนไลน์สิ่งแรกที่จะต้องมีคือความน่าเชื่อถือในสายตาของลูกค้า ให้ลูกค้ากล้าตัดสินใจซื้อหรือใช้บริการของเรา ซึ่งลำพังจะมีเพียงแค่หน้าเพจบนสื่อโซเชียลอย่าง Facebook หรือ Instagram ไว้เป็นช่องทางในการขายของออนไลน์คงจะไม่เพียงพอ ร้านค้าออนไลน์จำเป็นจะต้องมีเว็บไซต์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า ครั้นจะให้ลงมือสร้างหน้าเว็บไซต์เอง ก็อาจเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายคน เดี๋ยวนี้มี Sale Page สําเร็จรูปฟรี ให้เลือกเพียบ และวันนี้ ZORT ทำความรู้จัก Sale Page คืออะไร ตัวช่วยในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้าเรา แถมยังช่วยดันยอดขายให้ปังยิ่งขึ้นอีกด้วย

Sale Page คืออะไร?

Sale Page คือ หน้าเว็บหน้าหนึ่งของเว็บไซต์โดยจะแสดงรายละเอียดต่าง ๆ บอกถึงลักษณะจุดเด่นของผลิตภัณฑ์สินค้าที่ต้องการนำเสนอขายให้ลูกค้า ซึ่ง Sale Page อีกหนึ่งช่องทาง ในการช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ให้สามารถปิดการขายในหน้าเดียว ดังนั้น การทำ Sale Page ควรมีข้อมูลรายละเอียดที่จำเป็นของสินค้าให้อยู่ในหน้าเดียว เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับสินค้า รูปภาพ คลิปวิดีโอ ราคาสินค้า ส่วนลดโปรโมชันต่าง ๆ รีวิวจากลูกค้า แหล่งที่มา และที่ขาดไม่ได้เลยคือจะต้องมีปุ่ม ที่ช่วยกระตุ้นสร้างยอดขายก็คือ “ปุ่มสั่งซื้อ” และช่องทางการติดต่อ อาจเป็นปุ่มที่สามารถลิงค์ไปยัง LINE แอดหรือ Facebook เพื่อเป็นช่องทางให้ลูกค้าสอบถามเพิ่มเติมได้

หากมี Facebook Fanpage แล้ว ยังต้องทำ Sale Page หรือไม่?

อีกหนึ่งคำถามยอดนิยม สำหรับร้านค้าที่มี Facebook Fanpage อยู่แล้ว ยังจำเป็นต้องทำ Sale Page หรือไม่ ซึ่งต้องบอกว่าการที่มีทั้ง Facebook Fanpage และ Sale Page มันดีคนละแบบเลย ถ้าอยากเน้นโปรโมทสินค้า เพิ่มยอดขาย หรือต้องการปิดการขายสินค้าให้เร็วขึ้น อาจจะจำเป็นต้องมี Sale Page สวย ๆ เพื่อช่วยดึงดูดให้ลูกค้าที่สนใจเข้ามาอ่านรายละเอียดสินค้าหรือบริการ และยังจูงใจให้เกิดการซื้อขายขึ้นอีกด้วย

ส่วนการที่ร้านค้ามี Facebook Page ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยโปรโมทสินค้า สามารถติดต่อพูดคุยกับลูกค้าได้โดยตรง และที่สำคัญยังเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้คุณได้ใช้ฟรี สามารถไลฟ์สดขายสินค้าได้ เอาเป็นว่า!! หากร้านค้ามีแต่ Facebook Page อย่างเดียว แนะนำให้ทำ Sale Page ควบคู่ไปด้วยจะได้ช่วยเสริมยอดขายให้ปังมากยิ่งขึ้น

การทำ Sale Page เหมาะกับธุรกิจออนไลน์ประเภทไหน?

การเว็บไซต์ หรือ หน้า Sale Page สวย ๆ เหมาะสำหรับธุรกิจออนไลน์ทุกประเภท เพราะในหนึ่งหน้า Sale Page นั้น สามารถบอกรายละเอียดที่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการได้ครบถ้วน แต่ถ้าจะให้แนะนำว่าควรทำ Sale Page ช่วงไหนก็จะบอกว่า ควรทำตอนที่ร้านคุณต้องการจัดโปรโมชัน หรือต้องการจะโปรโมทสินค้าหรือบริการไหนเป็นพิเศษ หรือช่วงที่สินค้ามีเพียงไม่เท่าไหร่ ต้องการปิดยอดขายก็สามารถทำ Sale Page ได้เช่นกัน เอาเป็นว่า!! ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจออนไลน์ หรือธุรกิจออฟไลน์ ก็สามารถทำ Sale Page ได้ทั้งนั้น

Sale Page มีประโยชน์กับธุรกิจออนไลน์อย่างไร?

Sale Page นั้นมีประโยชน์ และเป็นที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงธุรกิจออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะต้องมี Sale Page สวย ๆ กันทั้งนั้น เพื่อเป็นตัวช่วยปิดยอดขายให้กับสินค้าหรือบริการ และยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือในสายตาของลูกค้าอีกด้วย งั้นลองมาดูประโยชน์ที่ธุรกิจออนไลน์ควรทำ Sale Page ที่ ZORT ได้รวบรวมนำมาฝากกันก่อนดีกว่า 

1. โปรโมทสินค้าและบริการ

การที่ร้านค้ามี Sale Page สวย ๆ เป็นหนึ่งอีกหนึ่งช่องทางของการโปรโมทสินค้าและบริการ เนื่องจากลูกค้าจะได้อ่านรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ได้ครบจบในหน้าเดียว

2. เพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจออนไลน์

อย่างที่เราได้บอกว่า Sales Page นั้น สามารถบอกรายละเอียดสินค้าและบริการได้ครบถ้วนในหน้าเดียว แถมไม่มีความซับซ้อน อ่านครั้งเดียวเข้าใจได้ง่าย ซึ่งข้อดีตรงนี้จึงสามารถกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญ Sales Page ยังรองรับการทำงานบนอุปกรณ์ ยิ่งเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น

3. ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย

การทำ Sale Page นั้น มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างต่ำ แถมยังมีเว็บไซต์ Sale Page สําเร็จรูปฟรี เลือกมาใช้ให้เหมาะกับธุรกิจออนไลน์ของตัวเอง หรือถ้าจะต้องเสียเงินในการทำ Sale Page ยังเสียเงินน้อยกว่า ที่จะต้องมีหน้าร้านแบบออฟไลน์ เพราะจะต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่และค่าจ้างพนักงานมาอยู่หน้าร้าน แต่ถ้ามีหน้าร้านแบบออนไลน์แบบนี้ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปได้มากทีเดียว

7 สิ่งที่หน้า Sale Page ควรต้องมี ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าคลิกซื้อสินค้าและบริการ

แน่นอนการมีเว็บไซต์หรือมีหน้าเพจ Sale Page สวย ๆ คงเป็นเรื่องที่เจ้าของธุรกิจออนไลน์อยากให้เกิดขึ้นกับร้านของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น เพราะว่าการที่มีหน้า Sale Page สวย ๆ จะช่วยทำให้เพิ่มยอดขายได้ วันนี้ ZORT เลยได้คัด 7 สิ่งที่หน้า Sale Page จำเป็นต้องมี มาแนะนำให้กับผู้ประกอบธุรกิจออนไลน์ มาดูกันเลย

1. รู้จักกลุ่มเป้าหมายและเข้าใจอย่างถ่องแท้

แน่นอนก่อนจะทำประชาสัมพันธ์ไม่ว่าจะผ่านสื่ออะไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงมากที่สุดคือเจ้าของธุรกิจต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด ใครคือกลุ่มเป้าหมาย มีความต้องการชื่นชอบและไม่ชอบอะไร ยิ่งถ้าหากรู้จักกับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายมากเท่าไหร่ คุณก็สามารถทำ Sale Page ได้ง่ายขึ้น ช่วยดึงดูดลูกค้าให้ซื้อสินค้าหรือบริการมากขึ้น

2. รายละเอียดข้อมูลสินค้าและบริการครบถ้วนสมบูรณ์

สิ่งสำคัญที่ต้องมีบน Sale Page คือ รายละเอียดข้อมูลที่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ จำเป็นต้องใส่ข้อมูลให้ครบถ้วน เพื่อให้ลูกค้าอ่านหน้าเดียวแล้วสามารถเข้าในสินค้าหรือบริการได้เลย 

3. สร้างโปรโมชันให้โดดเด่น

แน่นอนการมีโปรโมชันโดดเด่น จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการได้ง่ายขึ้น นอกจากมีโปรโมชันที่โดดเด่นแล้ว การเขียนบนหน้า Sale Page ก็ต้องใส่รายละเอียดโปรโมชันให้ชัดเจน อ่านปุ๊บเข้าใจได้ทันที ไม่ต้องคิดเยอะ ตัดสินใจซื้อได้เลย

4. สร้าง Sale Page สวย ๆ 

ควรออกแบบ Sale Page ให้มีลูกเล่น สีสันสดใส ช่วยสร้างดึงดูด ทำให้น่าอ่านมากยิ่งขึ้น การออกแบบกราฟิกเป็นอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ เพราะถ้ามีหน้า Sale Page สวย ๆ ช่วยทำให้ลูกค้าสะดุดตา 

5. ใช้ภาษาที่อ่านง่าย ๆ  

การเขียนบทความ คำโฆษณา ข้อความประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ทางสื่อออนไลน์ สิ่งสำคัญคือการเขียนภาษาที่อ่านได้ง่าย จะช่วยทำให้คนอ่านเข้าใจง่ายขึ้น และทริคการเขียน Sale Page ให้ปัง ดูน่าสนใจ แนะนำให้เขียน ดังนี้

• ควรประโยชน์หลักที่ทำให้คนอ่านสนใจ ประมาณว่าอ่านประโยคแล้วต้องปัง เห็นข้อความแล้วต้องโดน
• มีหัวข้อย่อยต่าง ๆ
• ให้เขียนทั้งรูปแบบประโยคสั้นและประโยคยาวผสมกันไป
• มีย่อหน้า หากข้อความช่วงไหนที่ยาวเกินไป ให้ขึ้นย่อหน้าใหม่ เพื่อจะได้อ่านง่ายขึ้น
• เพิ่มประโยคเด็ด ๆ คำคม ช่วยทำให้คนอ่านแล้วเกิดจดจำสินค้านั้นได้
• แนะนำให้เลือกใช้ฟ้อนท์ที่อ่านง่าย แนะนำให้เลือกขนาด 16 ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐาน แต่ถ้าข้อความอยากเน้นเป็นพิเศษ อาจจะเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้น

6. ควรมีรูปภาพสวย ๆ หรือคลิปวิดีโอบน Sale Page

Sale Page ไม่ควรจะมีเพียงแค่ข้อความที่เป็นตัวอักษรเพียงอย่างเดียว เพราะทำให้ดูจืดชืดและไม่น่าสนใจ แนะนำให้รูปภาพสวย ๆ หรือคลิปวิดีโอ ที่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการเข้าไปด้วย ช่วยทำให้ Sale Page ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

7. ควรมีจุด Call to Action ไว้ในหลายตำแหน่ง

หน้าเพจ Sale Page ควรต้องมีปุ่ม Call to Action (CTA) ซึ่งเป็นปุ่มที่ให้ลูกค้าสามารถคลิกเข้าไปอ่านบนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องได้ หรืออาจจะเป็นปุ่มที่เข้าสู่หน้าเว็บไซต์หลักของร้านค้า ซึ่งการจะใส่ Call to Action ควรจะเขียนให้คนที่อ่านแล้วรู้สึกอยากจะคลิกปุ่มนั้น

แนะนำ Sale Page เจ้าไหนดี รูปแบบสวย ใช้งานง่าย 

เอาล่ะ!!! ร้านค้าออนไลน์ไหนที่ยังไม่มี Sale Page สวย ๆ วันนี้เราได้รวบรวม Sale Page เจ้าไหนดี มาแนะนำซึ่งมีทั้ง Sale Page ฟรี และ Sale Page เสียเงิน เจ้าไหนกันบ้าง มาดูกัน

1. Sale Page สำเร็จรูป : iEzy Pro Sale Page

พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ที่กำลังมองหา Sale Page เจ้าไหนดี อยากได้ Sale Page รูปแบบสวย ๆ ราคาไม่แพง แนะนำให้ลองดูเป็น iEzy Pro Sale Page เหมาะสำหรับการสร้าง Sale Page สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่มาก ๆ เพราะที่นี่จะมีบริการสอนการใช้ให้กับมือใหม่อีกด้วย นอกจากนี้ฟังก์ชันการใช้งานครบเครื่อง ตอบโจทย์ในการขายของออนไลน์สุด ๆ ทำง่าย ไม่จำเป็นต้องทำเว็บไซต์ก็สามารถ Sale Page สวย ๆ ได้ภายใน 5 นาที อีกทั้งยังช่วยสร้างรายได้ในการเพิ่มขายได้เป็นอย่างดี รองรับการเชื่อต่อกับช่องทางการอื่น ๆ อีกด้วย แถมราคายังถูกใจ เริ่มต้นเพียงแค่เดือนละ 100 บาทเท่านั้น

2. Sale Page สำเร็จรูป : 911 Sale Page

Sale Page เจ้าไหนดี ใช้งานง่าย ต้องนึกถึง Sale Page สำเร็จรูป 911 Sale Page สามารถทำ Sale Page เองได้ง่าย ๆ ภายใน 5 นาที เพียงมีสมาท์โฟน ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับการทำเว็บไซต์ก็สามารถเปิดร้านขายของออนไลน์ได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม เสริม เติมแต่ง หรือแก้ไขเว็บไซต์ได้ง่าย ๆ ตามที่ความต้องการ แถมมีดีไซน์หลากหลาย รองรับ E-commerce ทุกรูปแบบ และยังรองรับการแสดงผลได้หลายภาษาอีกด้วย โดยราคาแพ็คเกจเริ่มต้นที่ 165 บาท/เดือน หรือ 1,980 บาท/ปี

3. Sale Page สำเร็จรูป : PopShop

ส่วนใครที่มองหา Sale Page สำเร็จรูป ที่ใช้งานง่าย ๆ มีรูปแบบสวย ๆ ที่หลากหลายให้เลือก เลือกใช้ Sale Page PopShop รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน! มีรูปแบบและฟังก์ชันการใช้งานที่ง่ายมาก ๆ เพียงแค่มีบัญชีผู้ใช้ของ Google ก็สมัครได้เลย ส่วนในการสมัครเพียงแค่กรอกข้อมูลไม่กี่ขั้นตอน ซึ่งสามารถเลือกสมัครได้ทั้งคอมพิวเตอร์ หรือบนโทรศัพท์มือถือ อีกทั้งยังใช้ทำงานด้านการตลาดออนไลน์ ร่วมกับ Facebook Pixel, Google Analytics, Google Tag Manage และสามารถใส่ลิงก์คลิปวิดีโอจาก Youtube ยิ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

4. Sale Page สำเร็จรูป : FastCommerz

สำหรับ FastCommerz ให้บริการ Sale Page สำเร็จรูป ตัวช่วยในการโปรโมทสินค้า เพื่อสร้างยอดขายให้ปังมากยิ่งขึ้น ใครที่ทำธุรกิจออนไลน์แล้วยังไม่มี Sale Page ลองใช้บริการที่นี่ โดยรองรับการทำงานได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน พร้อมให้บริการครบครัน รองรับการทำงาน SEO Google Tag Facebook Pixel และ Line Tag ยังมีส่วน Flash Sale สำหรับการตลาดช่วยปิดการขายได้ นอกจากนี้ยังมีระบบแจ้งเตือน สามารถลงโฆษณาได้เอง ล้วนเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ลูกค้าสนใจสินค้าหรือบริการคุณมากยิ่งขึ้น ส่วนค่าบริการมีทั้งรายเดือนและรายปี เริ่มต้นที่ 249 บาท/เดือน และ 2,990 บาท/ปี 

5. Sale Page สำเร็จรูป : Fast Sale Page

สุดท้ายกับ Sale Page จาก Fast Sale Page อีกหนึ่งตัวช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องการสร้างเซลเพจสวย ๆ ได้ง่ายใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีร้านค้าคุณก็จะมี Sale Page แล้ว แถมยังสามารถเลือกใส่เนื้อหาได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งรายละเอียดสินค้า รูปภาพ และวิดีโอ พร้อมช่วยจัดหน้า Sale Page ให้ดูน่าสนใจ ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย ช่วยเพิ่มยอดขายได้ด้วย และเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าด้วยปุ่ม Call to Action ต่าง ๆ เช่น สั่งซื้อ, ติดต่อสอบถาม ฯลฯ อีกทั้งยังรองรับทุกการขายได้ใน Sale Page และรองรับทุกการใช้งาน

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เชื่อว่าผู้ประกอบธุรกิจออนไลน์ทุกคน น่าจะรู้จักและเข้าใจมากขึ้นว่า Sale Page คืออะไร ใครที่อยากลองทำ Sale Page ลองนำทริคต่าง ๆ ที่ได้แนะนำไปปรับใช้กันได้เลย รับรองยอดขายสินค้าหรือบริการร้านคุณต้องปังแน่นอน!! สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ ด้วยกันหลายแพลตฟอร์มโซเชียล ต้องการหาผู้ช่วยมาช่วยจัดการระบบหลังบ้านให้คุณขายของได้ง่ายขึ้น แนะนำให้เลือกใช้บริการจาก ZORT ที่ช่วยระบบจัดการออเดอร์และสต๊อกสินค้า ให้บริการจัดการร้านค้าออนไลน์ครบวงจร 

สนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร

โทร 02.026-6423

Line: @zort