ถอดรหัส Passive Income ทุกปีกับเพลง All I Want For Christmas Is You
คริสต์มาส เป็นเทศกาลแห่งความสุขและการมอบของขวัญ ถ้าคุณเดินไปที่ไหนก็ต้องได้ยินเสียงเพลง “All I Want For Christmas Is You” ของ Mariah Carey เหมือนเป็นกระดิ่งแจ้งเตือนว่าเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาสแล้ว มองในมุมการตลาด เพลงนี้เป็นเพลงที่สร้างรายได้หรือ Passive Income ให้กับ Mariah ได้ตลอดชีวิตเลยทีเดียว มาดูกันเลยว่าอะไรทำให้เพลง All I Want For Christmas Is You เป็นที่นิยมและล่าสุดขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ในหลายประเทศทั่วโลกแล้วเรียบร้อย
Highlight & Summary
- องค์ประกอบของเพลง All I Want For Christmas Is You เป็นการผสมผสานดนตรีแนว Gospel, R&B และ Pop เข้าด้วยกัน เป็นแนวเพลงที่นักร้องยุคใหม่ก็ยังเลียนแบบไม่ได้
- ตอนที่เพลงปล่อยออกมาในปี 1994 ยังไม่เป็นที่นิยม แต่เมื่อไปปรากฏตัวในฉาก Climax ของหนัง Love Actually (2003) ก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ
- รายได้ของเพลง All I Want For Christmas Is You ทาง The Economist ประมาณไว้คร่าว ๆ ว่าอาจมากถึง 90 ล้านบาทต่อปี
ทำไมเพลง All I Want For Christmas Is You กลับมาขึ้นชาร์ตทุกปี
ทั้ง ๆ ที่มีเพลงเกี่ยวกับคริสต์มาสอีกมากมาย แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าถ้าพูดถึงเพลงคริสต์มาส All I Want For Christmas Is You จะเป็นเพลงแรกที่หลายคนนึกถึงในหัว จนกลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของวันคริสต์มาสไปแล้ว มาไขข้อสงสับพร้อมกับ ZORT ว่าอะไรทำให้เพลง All I Want For Christmas Is You ประสบความสำเร็จมากขนาดนี้
องค์ประกอบของดนตรี
ในช่วง Intro ของเพลง All I Want For Christmas Is You ก็เปิดด้วยเสียงกระดิ่งที่ทำให้นึกถึงรถเลื่อนของซานต้าครอส ทำให้คนฟังเกิดความรู้สึกอบอุ่นตั้งแต่ช่วงต้นเพลง ดร. Brittnay L Proctor ศาสตราจารย์ด้านสื่อและวัฒนธรรมสมัยนิยมกล่าวว่า “เพลงนี้ได้ผสมผสานดนตรีแนว Gospel, R&B และ Pop เข้าด้วยกันได้อย่าลงตัว” แถมยังมีคอร์ดเพลงมากถึง 13 คอร์ด ที่ช่วยให้คนฟังได้ยิน Harmonic ที่แตกต่างกันตลอดทั้งเพลง นอกจากนี้ความหมายของเนื้อเพลงยังให้ความรู้สึกดี ๆ ฟังแล้วรู้สึกสบายใจ สนุกสนานไปกับบรรยากาศช่วงท้ายปี
ทำการตลาดเข้ากับยุคสมัย
แม้เพลงนี้จะปล่อยมาเมื่อปี 1994 แต่ ณ ตอนนั้นยังไม่ได้รับความนิยมเท่าปัจจุบัน ส่วนหนึ่งมาจากการปรากฏตัวในฉากสำคัญของเรื่อง Love Actually ภาพยนตร์ดังในปี 2003 เมื่อหนังเรื่องนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เพลง All I Want For Christmas Is You ก็ได้รับความสนใจตามไปด้วยนั่นเอง
ในปี 2010 เธอได้ออกอัลบั้มคริสต์มาสชุดที่สอง พร้อมกับเพลงในเวอร์ชัน “Extra Festive” และเวอร์ชัน “Super Festive” ที่ร้องร่วมกับ Justin Bieber ในปี 2011 นอกจากนี้ยังร่วมร้องเพลงกับนักร้องคนอื่น ๆ โชว์ในรายการดังของประทศ และการจัดคอนเสิร์ตคริสต์มาสประจำปี จนกลายเป็นทัวร์ในอเมริกาเหนือและยุโรปตั้งแต่ปี 2014 มาจนถึงปัจจุบันอีกด้วย เรียกได้ว่าทำการตลาดให้กับเพลงตลอดเวลา จนรู้สึกว่าเพลงนี้ไม่มีวันเก่าอย่างแน่นอน
ต้อนรับเทศกาลทุกปีด้วยคลิป It’s Time!
และตั้งแต่ 2019 เป็นต้นมา Mariah Carey ก็ได้สร้างประเพณีประจำดีด้วยการโพสต์วิดีโอ “It’s Time” บนช่องทาง Social Media ทุก ๆ วันที่ 1 พฤศจิกายนของทุกปี เพื่อบอกว่านี่คือ “การเริ่มต้น” ของเทศกาลคริสต์มาสแล้ว ซึ่งแฟน ๆ ก็รอลุ้นทุกปีว่า Mariah จะทำคลิปออกมาแบบไหนบ้าง
รายได้ของเพลง All I Want For Christmas Is You
ทาง The Economist นิตยสารรายสัปดาห์เก่าแก่ได้ประเมินรายได้ของเพลง All I Want For Christmas Is You ว่าอาจสร้างค่าลิขสิทธิ์เฉลี่ยต่อปีที่ 90 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้เพลงก็เพิ่งครบรอบ 30 ปีไม่ไม่นานมานี้ ถ้าคำนวณคร่าว ๆ แสดงว่า Mariah อาจได้ Passive Income มาแล้วมากถึง 2,700 ล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งยังไม่รวมรายได้จากการทัวร์คอนเสิร์ต ยอดวิว และอีกมากมาย
สรุป
เพลง All I Want For Christmas Is You กลายเป็นเพลงคริสต์มาสที่เป็นอมตะไปแล้ว ไม่ว่าศิลปินยุคใหม่ก็ออกเพลงไหนมาก็ยังโค่นเพลงนี้ลงไม่ได้ ด้วยจังหวะ ดนตรี ฟังเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึก เป็นจุดแข็งของเพลงนี้เลยก็ว่าได้ บวกกับการทำการตลาดให้กับเพลงนี้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2003 เป็นสิ่งที่ฉลาดมาก ๆ ถือเป็น Passive Income ที่ใครก็อยากทำตาม
สนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร 02-026-6423
Line: @zort