มัดใจลูกค้า สร้างธุรกิจให้ปัง ด้วยฟีเจอร์ LINE OA
ในยุคปัจจุบันที่ผู้อุปโภค บริโภค หรือลูกค้า มีตัวเลือกการซื้อสินค้ามากมายแบบนี้ สำหรับคนทำธุรกิจแล้วการให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าหรือการบริการเพียงอย่างเดียวคงไม่พออีกต่อไป เพราะหัวใจหลักที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนที่นักการตลาดหลายคนหลงลืมไปก็คือการ “รักษาฐานลูกค้า” หรือการเก็บลูกค้าเก่าไว้ให้ได้นั่นเอง ซึ่งสิ่งที่จะช่วยให้เราสามารถรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเอาไว้ได้ก็คือ “CRM” (Customer Relationship Management) หรือ การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า เพราะแน่นอนว่าหากลูกค้าได้รับการบริการที่ดีและรู้สึกประทับใจก็ย่อมยากที่จะเปลี่ยนใจไปซื้อสินค้าหรือบริการจากเจ้าอื่น อีกทั้งยังอาจแนะนำสินค้าของแบรนด์ให้คนอื่นรู้จักด้วย
โดยในการทำ CRM นั้นมีหลายวิธีด้วยกัน แต่ในยุคปัจจุบันที่คนไทยหันมาใช้งาน Social Media Platform มากขึ้น จึงทำให้การสื่อสารระหว่างแบรนด์กับลูกค้าสะดวกมากกว่าเดิม ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือสื่อสารที่ตอบโจทย์สำหรับการทำ CRM ก็คือ LINE Official Account เพราะนอกจากการส่งข้อความแล้ว ยังมีฟีเจอร์ Line OA เด่น ๆ อีกมากมายที่จะช่วยให้เราดูแลลูกค้าได้ดีขึ้น มาดูกันเลยว่า Line OA ทําอะไรได้บ้าง?
1. Greeting Message
สร้างความประทับใจแรกให้กับลูกค้าใหม่ด้วยข้อความต้อนรับอัตโนมัติ โดยข้อความจะถูกส่งให้กับลูกค้าที่แอดเราเป็นเพื่อน ซึ่งคุณสามารถใช้งานฟีเจอร์นี้ให้น่าสนใจมากขึ้นด้วยการใส่ชื่อลูกค้าในข้อความต้อนรับ และมอบโปรโมชันสำหรับเพื่อนใหม่โดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายครั้งแรกให้สำเร็จได้ง่าย ๆ
2. จัดระเบียบลูกค้าได้ง่ายขึ้นด้วย Chat Tag
เข้าถึงลูกค้าได้อย่างตรงจุดและรู้ใจมากกว่าเดิมด้วยฟีเจอร์ Chat Tag ที่คุณสามารถใช้เพื่อจัดกลุ่มลูกค้าได้ ช่วยให้สามารถตามหาลูกค้าได้ง่ายขึ้นจาก Tag นั้น ๆ ได้ เช่น ‘ลูกค้าใหม่’ ‘ลูกค้า VIP’ หรือติด Tag แอดมินที่ดูแลลูกค้า ซึ่งข้อดีของการใช้ฟีเจอร์ Line Official Account นี้คือเราสามารถเลือกส่งข้อความเฉพาะกลุ่มเพื่อพูดคุยกับลูกค้าได้ตรงความต้องการ และลดความสับสนเมื่อต้องดูแลลูกค้าจำนวนมาก
3. ตอบแชทไว โดนใจลูกค้า ด้วย Quick Reply
หากใครสงสัยว่า LINE OA ใช้ยังไงให้มีประสิทธิภาพ เวลามีลูกค้าทักเข้ามาถามเรื่องคล้ายๆ กันเยอะๆ หลายๆ คน? ต้องลองใช้ฟีเจอร์ Quick Reply ที่เป็นการตั้งคำตอบที่ถูกใช้บ่อย ๆ ไว้ล่วงหน้าเลย เพราะช่วยให้ตอบลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์รายละเอียดใหม่ทุกครั้ง ซึ่งการที่เราสามารถคลายข้อสงสัยของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วนี้จะยิ่งสร้างความประทับใจ พร้อมควบคุมคุณภาพการตอบลูกค้าได้ดีขึ้น แม้จะมีแอดมินหลายคนก็ตาม
4. ลูกค้าเข้าถึงแบรนด์อย่างฉับไวด้วย Rich Menu
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ทุกธุรกิจต้องมี เพราะ Rich Menu หรือแถบเมนูลัดในหน้าแชท ช่วยให้ลูกค้าสามารถกดเลือกเมนูเพื่ออ่านรายละเอียดต่าง ๆ หรือติดต่อกับทางแบรนด์ได้เลยทันที เช่น ปุ่มเมนูอาหาร ปุ่มโปรโมชันพิเศษ ปุ่มเช็กค่าส่ง หรือปุ่มสั่งซื้อสินค้า ซึ่งตอบโจทย์อย่างมาก เพราะไม่ต้องเสียเวลามาพิมพ์ตอบคำถามลูกค้าในเวลาเร่งด่วน โดยฟีเจอร์นี้ทางร้านสามารถสร้างเองได้ง่าย ๆ จากเทมเพลต และเลือกใช้สูงสุด 6 ช่อง โดยแต่ละช่องสามารถโยงเข้ากับเว็บไซต์ E-commerce ของแบรนด์ หรือฟีเจอร์ต่าง ๆ ของ LINE ได้
5. Reward Card บัตรสะสมแต้ม
ปิดท้ายด้วยฟีเจอร์ Reward Card หรือบัตรสะสมแต้ม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ดีสำหรับการทำ CRM เพราะสามารถช่วยกระตุ้นยอดขายให้ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำ ช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ รวมถึงยังสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้อีกด้วย โดยแบรนด์สามารถกำหนดจำนวนแต้มที่ต้องการให้ลูกค้าสะสมได้ ตั้งแต่ 1-50 แต้ม เรียกได้ว่าเป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้ลูกค้าไม่สนใจซื้อสินค้าจากแบรนด์อื่นที่เป็นคู่แข่งได้
และจากทั้งหมดนี้คนทำธุรกิจน่าจะรู้กันแล้วว่า LINE OA มีดียังไง และ ทําไมต้องมี LINE OA? เพราะปัจจุบันมีคนไทยกว่า 45 ล้านคนที่เข้าถึงแอปพลิเคชัน LINE ซึ่งการที่แบรนด์ได้นำ Line Official Account เข้ามาเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้านั้น นอกจากจะสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าได้แล้ว ยังเพิ่มโอกาสการรักษาฐานลูกค้าเดิมให้กลับมาซื้อสินค้าหรือบริการซ้ำได้อีกด้วย
สนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร 02-026-6423
Line: @zort
บทความอื่น ๆ ที่คุณอาจสนใจ
5 เหตุผลที่ร้านค้าออนไลน์ควรส่งพัสดุผ่านระบบ ZORT
ร้านค้าออนไลน์อย่าพลาดระบบการส่งพัสดุ ZORT เชื่อมต่อขนส่งชั้นนำ ราคาพิเศษ บริการครบครัน แจ้งเลขพัสดุลูกค้าได้ง่ายๆ
สรุปเทรนด์ Loyalty Program แต่ละ Generation ประจำปี
ZORT พาเจาะลึกการทำ Loyalty Program แต่ละ Generation พร้อมส่องพฤติกรรมผู้บริโภคแต่ละ Generation ฉบับปี 2024 ว่าคนแต่ละเจนสนใจอะไรกันบ้าง
ยอดวิวของ FB, IG, YouTube และ TikTok นับอย่างไร อัปเดตปี 2024
ZORT สรุปมาให้แล้ว แต่ละแพลตฟอร์ม Facebook, Instagram, TikTok และ YouTube ยอดวิวคลิปวิดีโอแต่ละช่องทางนับอย่างไร ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะนับเป็น 1 ยอดวิว