จัดอันดับ 10 บริษัทขนส่งโลจิสติกส์ยอดนิยม พร้อมทริคการเลือกขนส่งให้ตอบโจทย์ธุรกิจ

5,730 views

เทียบ 10 อันดับบริษัทโลจิสติกส์ เจ้าไหนส่งเร็ว และราคาสุดคุ้ม พร้อมทริคการเลือกขนส่งให้เหมาะกับธุรกิจ

 

ในช่วงโควิดที่ผ่านมา ธุรกิจต่าง ๆ ต่างพากันถึงจุดต่ำสุด แต่มีธุรกิจหนึ่งที่กลับมาบูมอีกครั้งและเติบโตอย่างรวดเร็วนั่นก็คือ โลจิสติกส์เพราะมีความต้องการในตลาดเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากช่องทางออนไลน์เข้ามามีส่วนสำคัญกับชีวิตผู้คนในปัจจุบันที่ไม่ต้องออกจากบ้านก็มีของพร้อมส่งถึงหน้าบ้านที่ในวันนี้ไม่ว่าคุณจะเป็นพ่อค้าแม่ค้า หรือผู้ซื้อที่ ZORT จะพาคุณไปส่องถึงว่าขนส่งไหนดีสุด 2567 เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจในการเลือกขนส่งที่ได้รับบริการดี มีคุณภาพ คุ้มราคาซึ่งจะมีที่ไหนกันบ้างไปเริ่มกันเลย

 

เทียบ 10 อันดับบริษัทโลจิสติกส์ ขนส่งเจ้าไหนส่งเร็ว บริการดี ราคาคุ้มสุด!

เริ่มกันเลยกับการรวบรวมรายชื่อบริษัทขนส่ง โลจิสติกส์ผ่าน 10 อันดับบริษัท Logistic ในไทยที่ให้บริการดี ขนส่งไว คุ้มราคา ดังนี้ 

 

 

1. ไปรษณีย์ไทย

 

เริ่มกันก็ต้องตัวแม่บริษัทฯ ขนส่งในไทยที่อยู่มาอย่างยาวนานและถือเป็นว่ามีความน่าใช้ น่าเชื่อถือสุด ๆ เพราะเป็นพัสดุของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่มีสาขาบริการทั่วประเทศซึ่งครอบคลุมพื้นที่ห่างไกลและสามารถจัดส่งได้ทั้งไทยและต่างประเทศ แถมยังเลือกได้ว่าเป็นพัสดุธรรมดา หรือพัสดุด่วน หรือของชิ้นเล็ฏชิ้นใหญ่ก็เลือกได้หมด อีกทั้งยังสามารถเก็บเงินปลายทางได้ด้วยมันเลิศสุด ๆ

 

จุดเด่นของไปรษณีย์ไทย

  • องค์กรมีความน่าเชื่อถือเนื่องจากเปิดให้บริการมานานและมีประสบการณ์ด้านการขนส่งพัสดุทั้งในและต่างประเทศ  
  • มีรูปแบบการให้บริการขนส่งทุกขนาดตั้งแต่ชิ้นเล็กไปจนถึงชิ้นใหญ่ 
  • มีพื้นที่ให้บริการแทบทุกจังหวัด ครอบคลุมทุกพื้นที่แม้อยู่ห่างไกล
  • เจ้าหน้าที่ขนส่งพัสดุมีความเชี่ยวชาญเส้นทาง รู้จักซอกซอยต่าง ๆ เป็นอย่างดี 
  • มีระบบในการติดตามตรวจสอบพัสดุว่าตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง

 

พื้นที่ให้บริการ: ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย

 

ค่าบริการ: เริ่มต้นส่งพัสดุเพียง 20 บาท สำหรับส่งแบบลงทะเบียน เริ่มต้น 16 บาทและ EMS ส่งด่วนจะเริ่มต้น 25 บาทเท่านั้น 

 

ระยะเวลาในการขนส่ง: กทม. และปริมณฑล 2 – 5 วันและต่างจังหวัด 5 – 7 วัน

 

เปิดให้บริการ: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น.และวันเสาร์ เวลา 09.00-12.00 น.    (หยุดทุกวันอาทิตย์และนักขัตฤกษ์)

 

การรับประกัน: สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท

 

Facebook: Thailandpost

 

 

2. Kerry Express

Kerry express บริษัทขนส่งพัสดุเอกชน หรือหลาย ๆ คนใช้คำย่อ ๆ ว่าคนส่งสีส้มที่ถูกพูดถึงบ่อยครั้งเพราะเป็นเจ้าแรกที่ให้บริการเก็บเงินปลายทางที่ถูกใจผู้ใช้บริการมาก ๆ โดยเฉพาะคนที่ช้อปออนไลน์ อีกทั้งยังมีจุดบริการที่เยอะมากกว่า 15,000 แห่งทั่วประเทศและยังมีสาขาร่วมกับพาร์ทเนอร์อื่น ๆ และที่สำคัญตามสถานีรถไฟฟ้าก็บางสถานีก็มีให้ไปใช้บริการถือได้ค่อนข้างสะดวกและจัดส่งค่อนข้างรวดเร็วถูกใจเหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์และผู้ซื้ออย่างแน่นอน

 

จุดเด่นของ Kerry Express

  • ส่งของได้ทุกวัน ไม่มีวันหยุด
  • มีบริการเก็บเงินปลายทาง (COD)
  • รับของภายในวันเดียวกับบริการขนส่งแบบพัสดุแบบ Sameday ส่งเช้าได้รับเย็น
  • ไม่ต้องออกจากบ้านก็เรียกเจ้าหน้าที่ไปรับพัสดุได้ถึงหน้าบ้าน(แต่เฉพาะพื้นที่ที่กำหนด)
  • สะดวกมากขึ้นทั้งสาขา Kerry Express หรือที่ร่วมกับพาร์ทเนอร์ เช่น Family Mart, Tops, B2S หรือตามสถานีรถไฟฟ้าให้ส่งพัสดุได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องไปถึงสาขา

 

พื้นที่ให้บริการ: ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทยมากกว่า 15,000 แห่ง 

 

ค่าบริการ: กรุงเทพฯ และปริมณฑลเริ่มต้นที่ 25 บาทและต่างจังหวัดเริ่มต้นที่ 25 บาท

 

ระยะเวลาในการขนส่ง: กรุงเทพฯ และปริมณฑล 1 – 2 วันและต่างจังหวัด 2 – 3 วัน

 

เปิดให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน (ไม่มีวันหยุดราชการ)

 

การรับประกัน: สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท

 

Facebook: Kerryexpressthailand

 

 

3. Shopee Xpress 

ตัวแม่ของตลาดอีคอมเมิร์ชที่ไม่ได้เป็นเพียงแพลตฟอร์มออนไลน์เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการจัดส่งพัสดุที่ได้รับความนิยมสูงติดอันดับต้น ๆ ในไทยที่การันตีความน่าเชื่อจากผู้ใช้งานผ่านการรีวิวที่ให้เสียงตอบรับที่ค่อนข้างดีว่าขนส่งรวดเร็ว ให้บริการดี แต่แอบราคาแรง หากไม่ได้ใช้โค้ดส่วนลดค่าจัดส่งที่เก็บได้ในช่วงโปรโมชั่น หรือกิจกรรมต่าง ๆ

 

จุดเด่นของ Shopee Xpress 

  • นัดรับสินค้า (Pick-up) เรียกรถเข้ารับสินค้าถึงที่ หรือแบบส่งสินค้าด้วยตัวเอง (Drop-off) ได้ง่าย ๆ 
  • ไม่ต้องกรอกที่อยู่ให้เสียเวลา แต่สามารถปริ้นท์ใบปะหน้าพัสดุได้ง่าย ๆ 
  • จัดส่งพัสดุได้ทุกวัน ไม่มีวันหยุดราชการ 
  • บริการดี ส่งไว ปลอดภัย พร้อมรับประกันสินค้าหากเกิดความเสียหายระหว่างการขนส่งได้ทุกชิ้น

 

 

พื้นที่ให้บริการ: ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย

 

ค่าบริการ: คิดค่าบริการตามน้ำหนักเริ่มต้นเพียง 27 บาท

 

ระยะเวลาในการขนส่ง: กทม. และปริมณฑล 1 – 2 วัน และต่างจังหวัด 2 – 4 วัน

 

เปิดให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน (ไม่มีวันหยุดราชการ)

 

การรับประกัน: สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท

 

Facebook: SPXExpressTH

 

 

 

4. J&T Express

หากถามว่าขนส่งไหนดีสุด ? อีกหนึ่งขนส่งที่แนะนำคือ J&T Express บริษัทฯ ขนส่งพัสดเอกชนสัญชาติฮ่องกงที่มามุ่งเน้นการให้บริการกลุ่มธุรกิจ E-Commerce ที่ให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศไทยซึ่งมาพร้อมระบบที่สามารถตรวจสอบติดตามสถานะพัสดุได้ตลอดเวลาและยังมีบริการส่งด่วนภายใน 1 วันซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์โดยไม่มีวันหยุด

 

จุดเด่นของ J&T Express

  • บริการขนส่งพัสดุในรูปแบบที่หลากหลาย 
  • ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการกว่า 928 อำเภอทั่วประเทศ 
  • สามารถเรียกเก็บเงินปลายทาง (COD) ได้
  • ติดตามสถานะพัสดุได้แบบเรียลไทม์ (Real-Time) ตลอด 24 ชั่วโมงผ่าน 3 ช่องทางให้บริการได้แก่ แอปพลิเคชั่น เว็บไซต์และศูนย์บริการลูกค้า (Call Center)

 

พื้นที่ให้บริการ: ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทยกว่า 928 อำเภอ 

 

ค่าบริการ: คิดค่าบริการตามน้ำหนักของพัสดุโดยเริ่มต้น 15 บาท

 

ระยะเวลาในการขนส่ง: กทม. และปริมณฑล 1 – 2 วัน และต่างจังหวัด 2 – 3 วัน

 

เปิดให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน (ไม่มีวันหยุดราชการ)

 

การรับประกัน: สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท

 

Facebook: jntexpressthailandHQ

 


5. Flash Express

อีกหนึ่งบริษัท logistic ในไทย “Flash Express” ที่ถือเป็น 1 ใน 10 อันดับบริษัทขนส่งพัสดุที่ได้รับความนิยมเนื่องจากการให้บริการที่ครบวงจรที่ถึงแม้จะเป็นน้องใหม่เปิดตัวมาได้ประมาณ 5 – 6 ปีแต่มีผู้ใช้บริการเยอะเนื่องจากบริการขนส่งพัสดุที่รวดเร็ว ให้บริการดีและที่ถูกใจพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เลยก็ไม่มีวันหยุดสามารถมาจัดส่งสินค้าได้ทุกวัน พร้อมพื้นที่ที่ให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศจึงถูกยกให้เป็นหนึ่งในบริษัทส่งพัสดุเร็วที่สุดที่อยากให้มาลองใช้บริการ

 

จุดเด่นของ Flash Express

  • ราคาเริ่มต้นในการจัดส่งพัสดุที่ค่อนข้างถูก
  • เปิดให้บริการแบบไม่มีวันหยุดตลอด 365/366 วัน
  • เลือกประเภทผู้ส่งได้ตามความต้องการไม่ว่าจะแบบ B2C หรือ B2B ก็ตาม 
  • มาพร้อมบริการรับพัสดุถึงหน้าบ้าน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
  • สามารถจัดส่งพัสดุแบบด่วน หรือเลือกเก็บเงินปลายทาง (COD) ได้ง่าย ๆ 
  • ติดตามพัสดุได้ตลอดแบบเรียลไทม์ 
  • พร้อมรับโปรโมชั่นแบบปัง ๆ ได้ตลอด

 

พื้นที่ให้บริการ: ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย

ค่าบริการ: คิดค่าบริการตามน้ำหนักเริ่มต้นเพียง 22 บาท

ระยะเวลาในการขนส่ง: กทม. และปริมณฑล 1 – 2 วัน และต่างจังหวัด 2 – 3 วัน

เปิดให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน (ไม่มีวันหยุดราชการ)

การรับประกัน: สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท

Facebook: Flash Express Thailand


 

6. CJ Logistics

 

CJ Logistics บริษัทที่ให้บริการด้านการขนส่งและโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีที่ได้ขยายบริการมายังตลาดอาเซียนและในประเทศไทยด้วยรูปแบบการจัดส่งจากมือผู้ส่งและไปส่งให้ถึงมือผู้รับ (Door to Door) ด้วยสาขาที่มีบริการทั่วประเทศที่มาพร้อมความสะดวกผ่านบริการเก็บเงินปลายทางอีกด้วยจึงเป็นอีกหนึ่งบริษัทขนส่งที่น่าใช้บริการในปี 2567

 

จุดเด่นของ CJ Logistics

  • ค่าบริการจัดส่งค่อนข้างถูก
  • สามารถเรียกเก็บเงินปลายทาง (COD) ได้ 
  • หากไม่สะดวกไปสาขา ก็มีบริการรับส่งพัสดุถึงหน้าบ้าน
  • สะดวกมากขึ้นด้วยระบบติดตามสถานะพัสดุผ่านทางออนไลน์

 

พื้นที่ให้บริการ: ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย

ค่าบริการ: คิดค่าบริการตามน้ำหนัก เริ่มต้นเพียง 24 บาท

ระยะเวลาในการขนส่ง: 1 – 3 วัน กรณีที่พื้นที่ห่างไกล ไม่เกิน 5 วันทำการ

เปิดให้บริการ: หยุดทุกวันอาทิตย์

การรับประกัน: สูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท

Facebook: CJLogisticsglobal


 

 

7. LOGISTIC PLUS

 

LOGISTIC PLUS ผู้ให้บริการ เก็บ-แพ็ค-ส่ง หรือ Fulfillment และระบบ Logistics ครบวงจรที่ช่วยดูแลการจัดเก็บระบบคงคลังทั้งแบบ B2B หรือแบบ B2C ที่ให้บริการร้านค้าออนไลน์ทุกช่องทางครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยมาพร้อมระบบเก็บเงินปลายทางที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานได้มากขึ้น

 

จุดเด่นของ LOGISTIC PLUS

 

  • มีประสบการณ์มายาวอย่างนานมากกว่า 10 ปี 
  • บริการจัดส่งที่หลากหลายสามารถรับพัสดุได้ภายในวันรุ่งขึ้น (Next day) หรือจะรับภายพัสดุภายในวันเดียว (Same Day) ก็ได้เช่นกัน 
  • เพิ่มความสะดวกในการใช้งานให้สามารถเรียกเก็บเงินปลายทาง (COD) ได้ 
  • ส่งสินค้าระยะไกลไปข้ามแดนสู่ประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ภายใน 3 วัน

 

พื้นที่ให้บริการ: ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย

ระยะเวลาในการขนส่ง: กทม. และปริมณฑล 1 – 2 วัน และต่างจังหวัด 2 – 3 วัน

เปิดให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน (ไม่มีวันหยุดราชการ)

Website: Logistplus

 

 

8. Siam Outlet

ใครที่กำลังมองหาขนส่งน่าใช้งานปี 2567 แนะนำ Siam Outlet ที่พร้อมให้บริการทั้งลูกค้าองค์กรและร้านค้าออนไลน์ทั่วไปให้มาใช้บริการที่ครบวงจรตั้งแต่การเริ่มต้นดูแลสต๊อก จัดแพ็ค ส่งสินค้าด้วยการนำเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้งานทำให้ช่วยเพิ่มความแม่นยำ สะดวก รวดเร็วและช่วยประหยัดเวลาในราคาสบายกระเป๋า

 

จุดเด่นของ Siam Outlet

  • ครบจบในที่เดียวด้วย E-Fulfillment ทั้งเก็บ แพ็คและส่งสินค้า
  • ได้รับของไวภายใน 1 วันด้วยการจัดส่งแบบ Delivery by Siam Outlet
  • เลือกรับสินค้าจากต้นทางได้ทุกทีไม่ว่าจะใน หรือต่างประเทศ
  • เพิ่มความสะดวกด้วยบริการจัดเก็บเงินปลายทาง (COD) 
  • บริการรับสินค้าจากต้นทาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 

พื้นที่ให้บริการ: ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย

ค่าแพ็กสินค้า: เริ่มต้น 13 บาท (รวมซอง/กล่อง และอุปกรณ์แพ็ก)

ระยะเวลาในการขนส่ง: กทม. และปริมณฑล 1 – 2 วัน และต่างจังหวัด 2 – 3 วัน

เปิดให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน ไม่มีวันหยุด

Facebook: Siamoutletpage

 

9. Sendit

อาจจะไม่คุ้นหูเท่าไหร่กับ Strat Up น้องใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนจากการร่วมทุนกับ Ascend Group หรือเครือของ CP ที่ไม่ว่าคุณจะต้องการส่งพัสดุ เอกสาร จ่ายเงิน หรือวางบิลภายในประเทศก็ทำได้หมดเข้าถึงได้ง่ายตั้งแต่ธุรกิจขนาดย่อยไปจนถึงขนาดใหญ่ที่ให้ความน่าเชื่อด้วยเครือข่ายของเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าขนส่งพัสดุที่ผ่านการตรวจสอบประวัติและได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดีที่ถึงแม้จะเป็นน้องน้องใหม่ แต่อยากให้ลองเปิดใจใช้บริการสักครั้งรับรองว่าต้องติดใจ

 

จุดเด่นของ Sendit

  • ค้าขนส่งเริ่มต้นที่ถูก
  • มีบริการให้เลือกในรูปแบบที่หลากหลาย 
  • เช็คสถานะพัสดุได้แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง 
  • เพิ่มความสะดวกด้วยบริการเก็บเงินปลายทาง (COD)

 

พื้นที่ให้บริการ: เฉพาะเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล (นนทบุรี, ปทุมธานี และสมุทรปราการ)

 

ค่าบริการ: คิดค่าบริการตามน้ำหนักเริ่มต้น 25 บาท

 

ระยะเวลาในการขนส่ง: กทม. และปริมณฑล 1 – 2 วัน 

 

เปิดให้บริการ: หยุดทุกวันอาทิตย์

 

การรับประกัน: สูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท

 

 

10. Ninja Van

บริษัทขนส่งโลจิสติกส์จากสิงคโปร์ที่เข้ามาตีตลาดในไทยด้วยการให้บริการขนส่งพัสดุซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 76 จังหวัดทั่วประเทศที่นำเอาเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วยในการตอบโจทย์ธุรกิจให้สามารถติดตามสถานะพัสดุได้แบบเรียลไทม์ไม่ว่าจะพัสดุจะขนาดไหน หรือขนส่งไปที่ไหนและยังเป็นพันธมิตรกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมถึง ZORT จึงถือเป็นบริษัทขนส่งที่ช่วยให้ร้านค้าต่าง ๆ ทำงานได้ง่ายและอยากลองมาใช้บริการ

 

จุดเด่นของ Ninja Van

  • บริการจัดส่งพัสดุแบบด่วนที่สามารถรับได้ภายใน 1 วัน
  • บริการเก็บเงินปลายทาง (Cash On Delivery หรือ COD)
  • ฟรี! บริการเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้าน แบบไม่มีขั้นต่ำได้ถึง 1 ทุ่มของทุกวัน 
  • กำหนดจุดรับ-ส่งสินค้า/พัสดุได้ตามใจ
  • มีระบบติดตามสถานะพัสดุแบบเรียลไทม์ 
  • หากของได้รับความเสียหายก็มีการรับประกันค่าสินค้า
  • ขนส่งได้ทั้งในไทยและต่างประเทศ

 

พื้นที่ให้บริการ: ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย

 

ค่าบริการ: คิดค่าบริการตามน้ำหนักเริ่มต้นเพียง 23 บาท

 

ระยะเวลาในการขนส่ง: กทม. และปริมณฑล 1 – 2 วัน และต่างจังหวัด 2 – 4 วัน

 

เปิดให้บริการ: หยุดทุกวันอาทิตย์

 

การรับประกัน: สูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท

 

Facebook: Ninjavanthailand

 

5 ทริคเลิศ ๆ ไว้เลือกบริษัทขนส่งให้ตอบโจทย์ความต้องการ

 

  1. ราคาคุ้มค่ากับคุณภาพ เพราะสิ่งแรกที่เราตัดสินใจเลือกขนส่งก็เพราะเรื่องราคาเพราะยิ่งราคาถูกก็จะช่วยประหยัดต้นทุน แต่ก็ควรควบคู่ไปกับคุณภาพ ไม่ใช่ว่าราคาถูก แต่โดนลูกค้าคอมเพลนเรื่องการรอคอยสินค้าที่ยาวนาน หนือเกิดความเสียหายแบบนี้ก็อาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้ากับร้านค้าของเราในครั้งถัดไป ยังไงก็เลือกราคาถูกนั่นแหละ แต่ก็พ่วงด้วยคุณภาพการจัดส่งที่ดีด้วยเช่นกัน 

  2. ส่งไว ได้ทันภายในเวลา เพราะพัสดุที่จัดส่งบางอย่างเช่นของสด อาทิ ผัก ผลไม้ หรือสินค้าที่มีอายุสั้น ๆ คงจะทราบดีว่ารอนานไม่ได้เพราะหากไม่ได้รับตรงเวลาก็อาจจะทำให้ของเน่าเสียเกิดความเสียหาย ขนส่งที่เลือกจึงควรการันตีเรื่องระยะเวลาในการจัดส่ง เช่น ส่งวันนี้ได้รับภายในวันรุ่งขึ้น หรือได้รับภายในวันเดียวกัน หรือไม่เกิน 24 – 48 ชั่วโมง 

  3. พื้นที่ให้บริการต้องครอบคลุมและทั่วถึง เพราะคนที่ใช้จ่ายออนไลน์ไม่ได้กระจุกตัวอยู่แค่กรุงเทพฯ ปริมณฑล หรือแค่จังหวัดสำคัญ ๆ เพราะถึงคนสามารถเข้าถึงได้ทุกที่แค่เพียงมีอินเทอร์เน็ต ขนส่งที่จะเลือกใช้บริการจึงควรมีสาขาให้บริการ หรือพันธมิตรเปิดให้บริการครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทยเพื่อช่วยให้เราขนส่งสินค้าถึงมือลูกค้าได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว 

  4. มีตัวเลือกบริการขนส่งที่หลากหลาย โดยต้องไม่จำกัดรูปแบบของสินค้า ไม่ว่าจะอาหารสด อาหารแช่แข็ง อาหารแช่เย็น เครื่องดื่มพาสเจอร์ไรส์ ขนมซึ่งเป็นสินค้าประเภทที่จะต้องขนส่งด้วยระบบห้องเย็นเพื่อรักษาอุณหภูมิที่เมื่อไปถึงลูกค้าเสมือนได้รับประทานของใหม่ซึ่งหากใครขนส่งสินค้าประเภทนี้ก็ควรเลือกขนส่งให้เหมาะกับประเภทสินค้าของเรา หรือใครที่ต้องส่งของใหญ่ก็ต้องเลือกขนส่งที่มีรถพร้อมให้บริการตามความเหมาะสมของพัสดุนั่นเอง 

  5. ความสะดวกในการใช้บริการ เรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเพราะเปรียบเสมือนการเติมเต็มการซื้อขายให้ครบวงจรในการอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็นการมีบริการเรียกรถรับพัสดุถึงหน้าบ้าน โดยไม่ต้องเสียเวลาไปต่อคิวที่สาขา หรือสามารถติดตามสถานะพัสดุได้แบบเรียลไทม์ สอบถาม หรือติดตามปัญหากับทางเจ้าหน้าที่บริการลูกค้า (Call Center) ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือระบบตอบกลับอัตโนมัติอย่าง Chatbot ที่จะช่วยตอบคำถามเบื้องต้นได้ระหว่างรอแอดมินร้านให้ข้อมูล 

 

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 10 บริษัทโลจิสติกส์ที่นำมาฝากซึ่งแต่ละเจ้าก็ถือได้ว่าค่อนข้างได้รับความนิยมด้วยบริการที่ดี มีคุณภาพในราคาที่คุ้มราคา พร้อมความหลากหลายในรูปแบบการขนส่งที่มีตัวเลือกให้เยอะและส่วนใหญ่แทบจะให้บริการทุกวัน รวมถึงระยะเวลาจัดส่งก็มีให้เลือกทั้งแบบด่วนที่เหมาะกับเอกสารสำคัญ หรือใครที่ต้องส่งของสดไม่ว่าจะผัก ผลไม้ หรือของที่มีอายุสั้นก็มีรถที่มีห้องเย็นรักษาอุณหภูมิได้ให้เลือกซึ่งหากถามว่าเจ้าไหนคุ้มค่าก็คงจะต้องเลือกมาจากราคา การขนส่ง พื้นที่ให้บริการ ตัวเลือกการให้บริการและความสะดวกในการให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุดนั่นเอง

 

ส่วนใครที่ต้องการตัวช่วยในธุรกิจขายออนไลน์ก็สามารถให้ ZORT ช่วยจัดการออเดอร์สินค้าและสต๊อกสินค้าของคุณได้แบบครบวงจรซึ่งช่วยให้คุณดูแลร้านค้าออนไลน์ส่วนอื่น ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

สนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โทร 02-026-6423

Line: @zort

0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x