Blue Ocean คืออะไร? Red Ocean คืออะไร?
สำหรับคนที่กำลังเริ่มต้นทำธุรกิจ ในระหว่างที่กำลังวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด คงจะเคยเห็น “กลยุทธ์น่านน้ำ” (Ocean Strategy) ผ่านตากันมาบ้างแล้ว ซึ่งกลยุทธ์น่านน้ำนี้ เป็นการเปรียบเปรยพื้นที่ทางการตลาดกับน่านน้ำ (Ocean) โดยสามารถแบ่งออกมาได้ 5 สีคือ Blue Ocean, Red Ocean, White Ocean, Black Ocean และ Green Ocean แต่น่านน้ำที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดในหมู่นักการตลาดคือ Blue Ocean และ Red Ocean ซึ่งวันนี้ ZORT จะมาอธิบายถึง 2 น่านน้ำนี้ ว่าคืออะไร และมีความแตกต่างกันอย่างไร
Blue Ocean Strategy คืออะไร
Blue Ocean คือ พื้นที่ทางธุรกิจที่เน้นการแข่งขันในการสร้างความต้องการ (Demand) ใหม่ขึ้นมา ผ่านการสร้างสินค้าใหม่ หรือสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าที่มีอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีการแข่งขันไม่สูงมาก และมีคู่แข่งน้อย แต่การใช้กลยุทธ์นี้จะต้องอาศัยความรอบคอบในการสำรวจตลาด และเรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้า เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงกลุ่มด้วยเช่นกัน
ซึ่งธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์ Blue Ocean จะไม่ต้องไปแข่งขันในตลาดที่มีคู่แข่งเป็นจำนวนมาก แต่จะเป็นการสร้างฐานลูกค้าผ่านการเปลี่ยนความต้องการเดิมจากสินค้าในตลาด Red Ocean เป็นความต้องการใหม่ในสินค้าที่สามารถตอบสนองความต้องการได้ดีกว่า
ธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์ Blue Ocean มีอะไรบ้าง
- บริษัท Apple ในช่วงที่ Steve Jobs เป็น CEO (iPod, iPhone, iPad, Macbook Air)
- Netflix ที่เปลี่ยนจากการให้คนไปเช่าหนังที่ Blockbuster ให้สามารถดูหนังผ่าน Netflix ได้ที่บ้าน
- Nintendo Wii ที่เปลี่ยนจากการให้ผู้เล่นบังคับตัวละครในเกม เป็นการให้ผู้เล่นกลายเป็นตัวละครในเกมแทน
Red Ocean Strategy คืออะไร
Red Ocean คือ พื้นที่ทางธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงที่สุด และมีคู่แข่งที่มีการนำเสนอสินค้าหรือลักษณะทางธุรกิจที่คล้ายกัน โดยกลยุทธ์ Red Ocean จะเน้นไปที่การเอาชนะคู่แข่งด้วยยอดขาย ผ่านการแข่งขันทางราคา หรือการจัดโปรโมชัน ผ่านการใช้ประโยชน์จากความต้องการ (Demand) ที่มีอยู่แล้ว
ซึ่งธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์ Red Ocean มักจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ใช้ในการอุปโภคบริโภคเป็นประจำ (Fast Moving Consumer Goods) ทำให้มีโอกาสในการเติบโตช้า และได้กำไรไม่มากพอสมควร เพราะเป็นสินค้าที่มีทั่วไปในตลาด และต้องแข่งขันกับสินค้าที่คล้ายคลึงกันอยู่ตลอด
ธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์ Red Ocean มีอะไรบ้าง
- ธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งที่จำเป็นในการอุปโภคบริโภค
- ธุรกิจสายการบิน
- ธุรกิจเครื่องสำอาง
การแข่งขันทางการตลาดที่สูง และไม่มีวันจบในตลาด Red Ocean คงจะทำให้บางธุรกิจอยากจะลงเปลี่ยนมาทำการตลาดแบบ Blue Ocean บ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ไม่ยาก โดยเราขอยกตัวอย่าง 3 สิ่งที่ควรทำหากต้องการเปลี่ยนมาทำการตลาดแบบ Blue Ocean ดังนี้
- เปลี่ยนมุมมอง และความเชื่อในการทำธุรกิจ ให้เป็นแบบ Blue Ocean
โดยคุณจะต้องไม่คาดหวังผลกำไร หรือต้องการแข่งขัน แต่จะต้องทำธุรกิจให้มีความแตกต่าง และสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ต่างๆ ได้เสมอ
- คนที่มีส่วนร่วมในการทำธุรกิจ พร้อมจะเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นแบบ Blue Ocean
เพราะการปรับเปลี่ยนการตลาด ต้องอาศัยความร่วมมือ และคำแนะนำจากคนในทีม เพื่อให้เกิดการทำงานที่สามัคคีกัน และสามารถเปลี่ยนแปลงการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เครื่องมือทางการตลาด ที่ช่วยให้การสร้าง Blue Ocean เกิดขึ้นได้จริง
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกลยุทธ์ Blue Ocean ควรมีการสำรวจตลาด และวิเคราะห์สินค้าหรือบริการของธุรกิจก่อนด้วยเช่นกัน เพื่อให้สามารถแก้ไขจุดบกพร่อง และสามารถปรับปรุงได้ทันเวลา
ตัวอย่างธุรกิจ Red Ocean ที่สามารถก้าวไปสู่ Blue Ocean ได้
- ธนาคารกสิกร ที่เริ่มต้นใช้แอปพลิเคชันในการทำธุรกรรมทางการเงิน
- โรงพยาบาลยันฮี ที่ผลิตเครื่องดื่ม ยันฮี วิตามิน วอเทอร์ ออกมาขาย
การศึกษากลยุทธ์ในการทำการตลาดก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจ จะทำให้คุณได้เปรียบในการเลือกตลาดที่จะทำธุรกิจได้มากกว่าการไม่ศึกษาอะไรเลย และเข้าไปสู่ตลาด Red Ocean ที่มีการแข่งขันสูง จนทำให้ธุรกิจเติบโตได้ช้า หรือไม่ประสบความสำเร็จ และเราเชื่อว่าหลังจากที่ได้เข้าใจความหมายของน่านน้ำทั้ง 2 สีไปแล้ว หลายคนคงจะเริ่มรู้แล้วว่าต้องการให้ธุรกิจของตัวเองเข้าไปอยู่ในน่านน้ำไหน และแนวทางการทำธุรกิจของคุณควรเป็นไปในทิศทางใด เพื่อให้คุณสามารถปรับปรุงแผนการตลาด หรือสินค้าของคุณให้เข้าไปสู่ตลาด Blue Ocean ได้ทัน และประสบความสำเร็จได้ในไม่ช้า
ZORT ยังมีบทความน่ารู้สำหรับผู้ประกอบการอีกเพียบ มาแวะเติมความรู้เพิ่มเทคนิคในการทำธุรกิจกับเราต่อได้เลย
สนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร 02-026-6423
Line: @zort