รวมทริควิธีใช้ Google Voice Search ให้ติดอันดับ SEO บนเว็บไซต์

450 views

Voice Search คืออะไร ทำไมถึงมาแรงในตลาด E-Commerce

 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตลาดอีคอมเมิร์ซเข้ามามีอิทธิพลต่อผู้บริโภคค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด – 19 มาจนถึงปัจจุบันที่มีผู้เข้าใช้งานเพิ่มขึ้นแบบเท่าตัวทำให้เกิดการขยายตลาดไปอย่างรวดเร็วส่งผลให้ผู้นำธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวและต้องเพิ่มการเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าและต้องเร็วกว่าคู่แข่งหนึ่งก้าวอยู่เสมอ

 

โดยหนึ่งในวิธีที่กำลังได้รับความนิยมคือการ “ค้นหาด้วยเสียง” หรือ Voice Search คือ การออกแบบเพื่อมาตอบโจทย์การค้นหาที่ต้องใช้คีย์เวิร์ดยาว ๆ ซึ่งอาจจะจดจำไม่หมด หรืออาจใช้เวลาพิมพ์เป็นเวลานานที่จะนำไปสู่การค้นหาว่าทำไมถึงดีกว่า Text  Search พร้อมประโยชน์และเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ด้วยวิธีทำ Voice Search ให้ติดอันดับได้ง่าย ๆ ซึ่งจะทำอย่างไรไปติดตามกันเลย 

 

Voice Search คืออะไร 

ก่อนจะไปรู้ถึงขั้นตอนก็ขอขยายความ Voice Search ที่ในปัจจุบัน Google  เองก็ได้ระบุว่ามีผู้ใช้งานมากถึง 27% ที่ใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนมักจะใช้ Voice Search ในการหาข้อมูล หรือคำตอบต่าง ๆ โดย Voice Search ถือเป็นการออกแบบเพื่อมาตอบโจทย์ปัญหาการค้นหาข้อมูลด้วยคีย์เวิร์ดยาว ๆ ไม่ว่าจะเป็นวลี หรือประโยคต่าง ๆ ซึ่งในบางครั้งต้องอาศัยการจดจำและอาจจะใช้เวลานานในการพิมพ์ให้ครบทุกตัวอักษร

 

นำไปสู่การคิดค้นฟังก์ชันการค้นหาด้วยเสียง (Voice Search) ที่ถูกนำมาพัฒนาคอนเทนต์และเว็บไซต์เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าเยี่ยมชม (Traffic) และยังเป็นประโยชน์ต่อการทำคอนเทนต์ให้ติดอันดับการค้นหาซึ่งช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค (Engagement) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

 

ทำไม Voice Search ถึงดีกว่า Text Search ?

แม้จะเกริ่นไปคร่าว ๆ ถึงการเข้ามาแก้ปัญหาของ Voice Search ที่จะขอขยายความเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นว่าทำไมถึงดีกว่า Text Search ?

 

  • เสียงเร็วกว่าพิมพ์ Voice Search จึงช่วยให้ผู้ใช้งานก้าวข้ามขีดจำกัดในการค้นหาเนื่องจากโดยปกติคนเราจะใช้เวลาในการพิมพ์ข้อความประมาณ 38 – 40 คำภายในหนึ่งนาที แต่ในขณะเดียวกันเราสามารถพูดได้ถึง 110 – 150 คำต่อหนึ่งนาทีจึงทำให้ Voice Search ก้าวมาเป็นส่วนสำคัญในการทำ Search Engine Marketing ของ SEO บนเว็บไซต์

     

  • เพิ่ม Productivity ในการทำงาน ซึ่ง Voice Search จะช่วยให้คุณสามารถทำกิจกรรมอื่นร่วมไปด้วยได้ในขณะค้นหาซึ่งต่างจาก Text Search ที่จะต้องก้ม ๆ เงย ๆ ในการพิมพ์ค้นหา Keyword หรือทำการค้นหารายการสินค้าบนเว็บไซต์นั้นอย่างเดียว

 

นอกจากนี้ Voice Search ยังมาพร้อมประโยชน์ในการยกระดับการทำ Digital Matkerketing ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีประโยชน์ต่อเว็บไซต์ ดังนี้

 

  1. เพิ่มการเข้าเยี่ยมชมบนเว็บไซต์ (SEO Traffic) ไ้ด้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลในระยะยาว 
  2. ยกระดับการทำคอนเทนต์ของแบรนด์ หรือร้านค้าต่าง ๆ ให้ติดอันดับการค้นหาบนเว็บไซต์
  3. สร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) ทำให้ได้พื้นที่สื่อในการโฆษณา (Paid Media) จากการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ตามที่กำหนด

 

นอกจากนี้ ธุรกิจ E-commerce ส่วนใหญ่ยังได้มีนำเอาฟังก์ชัน Voice Search ไปใช้ประโยชน์ในการให้บริการค้นหาข้อมูลผ่านการใช้เสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นโดยขอยกตัวอย่างอุปกรณ์ Voice Search ของแต่ละช่องทางในการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ  ดังนี้

 

  • Google: Google Home, Google Assistant, Android phones และ devices
  • Bing: Amazon Echo, Alexa  และ Microsoft Cortana
  • iPhone: Siri

 

ยกตัวอย่าง วิธีใช้ google Voice Search ผ่านการออกคำสั่งของ Google Assistant ที่ทุกครั้งก่อนจะออกคำสั่ง หรือจะถามอะไรก็จะต้องทำการเรียกตัวช่วยของเราด้วยประโยค “Hey Google หรือ OK Google”

 

  • การสอบถามสภาพอากาศ: อากาศวันพรุ่งนี้เป็นอย่างไร เย็นนี้ฝนจะตกไหม หรืออากาศที่เขาค้อตอนนี้กี่องศา 
  • การสอบถามข่าวสาร: หวยออกอะไร ผลบอลพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง
  • สอบถามข้อมูลทั่วไป: วิธีการทำพะโล้ ค่าเงินดอลลาร์วันนี้เท่ากับกี่บาท ตึกใบหยกอยู่ที่ไหน แปลเพลง….

 

นอกจากนี้หากมีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์รถยนต์ ทีวี หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่รองรับการสั่งงานด้วยเสียงก็สามารถใช้ในการค้นหาแผนที่ โทรหาเบอร์ที่ต้องการ หรือค้นหารายการ หรือเพลงที่ต้องการฟังผ่านคำสั่งเสียงได้เช่นเดียวกัน

 

 

เพิ่มประสิทธิภาพผ่าน 6 วิธีทำ SEO Voice Search ?

 

ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่มักเปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยีที่เข้ามีบทบาทกับชีวิต ผู้ทำธุรกิจจึงต้องมีการปรับตัวเพื่อให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงซึ่งในปัจจุบันการใช้คำสั่งเสียงกลายเป็นสิ่งที่ง่าย รวดเร็วและสะดวกต่อผู้บริโภคและยังมีผลต่อการทำ SEO Keyword ที่ต่างไปจากการค้นหาด้วยข้อความธรรมดาเราจึงจำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพผ่าน 6 วิธีทำ SEO Voice Search เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี รวมถึงเข้ามามีส่วนร่วมต่อเว็บไซต์ได้มากยิ่งขึ้น ดังนี้

 

1. อัปเดตสถานที่ทำธุรกิจให้สดใหม่อยู่เสมอ

เพราะคนส่วนใหญ่จะนิยมใช้ Voice Search ในการค้นหาสถานที่และวิธีการเดินทางด้วยคำสั่งเสียงที่ใช้หาร้านค้า หรือบริเวณใกล้เคียงด้วยคำที่ยอดนิยม 

 

  • ช่วงเวลาเปิดปิด
  • แผนที่ในการเดินทาง
  • นั่งได้หรือไม่
  • เบอร์โทรศัพท์มือถือ 
  • ช่องทางติดต่อสอบถาม

 

ธุรกิจ หรือร้านค้าต่าง ๆ จึงอาจจำเป็นต้องมีการอัปเดตข้อมูลให้ใหม่อยู่เสมอรวมถึงการอาศัยเครื่องมือเพื่อใช้ keyword ให้ตรงกับเนื้อหาซึ่งเครื่องมือ (Tools) ที่นิยมในการนำมาวิเคราะห์คีย์เวิรด อาทิ Ubersuggest, Google Search Console และ Keyword Planner

 

และทริค! ในการทำ Local Search อีกอย่าง คือ การใช้วลีที่ผู้คนนิยมใช้อธิบายสถานที่ใกล้ร้านเรา หรือการใส่ชื่อสถานที่ พื้นที่ จังหวัดใน Title tags, Meta Description, Internal Links และ Anchor Text รวมถึงการใส่คีย์เวิรดของสถานที่ยอดนิยมในบริเวณร้านเราจะยิ่งช่วยเพิ่ม Engagement ให้กับลูกค้าได้อีกช่องทางหนึ่ง

 

2. เน้นเนื้อหาให้คล้ายคลึงภาษาพูด

เนื่องจากเนื้อหาที่ไม่เป็นทางการมีความคล้ายคลึงจะช่วยให้อัลกอริทึมจัดลำดับคอนเทนต์ของเราให้ติดอันดับ SEO Voice Search แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีการตรวจสอบเนื้อหาว่ามีความถูกต้องและแหล่งข้อมูลที่นำมาใช้มีความน่าเชื่อ รวมถึงการเลือกใช้ Keyword และที่พลาดไม่ได้เลยคือในส่วนของเนื้อหาสามารถดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาอ่านแล้วเข้าใจถึงแบรนด์ หรือตอบโจทย์สิ่งที่พวกเขาต้องการหรือไม่การใช้ภาษาที่ไม่เป็นทางการมากนักจึงมีความเป็นะรรมชาติที่ให้ความรู้สึกสบาย อ่านได้ลื่นไหลกว่าซึ่งช่วยสร้างประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าและสร้างความประทับใจรายเฉพาะบุคคลได้แตกต่างกัน

 

3. มีการจัดเรียงข้อมูลพร้อมตอบคำถามที่ชัดเจน

 

โครงสร้างที่ระบุข้อมูลที่ชัดเจน เช่น ที่ตั้ง หมายเบอร์โทรศัพท์ รหัสไปรษณีย์ เวลาเปิดปิด เมนูอาหาร หรือบริการมีอะไรบ้าง และมีการตอบคำถามให้เห็นชัดในลักษณะ Long-Tail Keyword หรือเป็นลักษณะคำถามแบบที่ผู้ใช้งาน Voice Search นิยมค้นหาข้อมูลกัน เช่น รหัสไปรษณีย์เขตลาดพร้าว ปั๊มน้ำมันใกล้ฉัน เข้าห้องน้ำในสถานีรถไฟฟ้าที่ไหนได้บ้างซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คอนเทนต์ดูมีความน่าเชื่อถือ แม่นยำและช่วยเพิ่มการติดอันดับบน Search Engine 

 

4. อย่าลืม! อัปเดตเนื้อหาบน Google My Business

ที่เป็นส่วนหนึ่งของการทำ Local SEO จึงมีส่วนช่วยสำคัญในการเพิ่มปริมาณการเข้าชม (Traffic) บนเว็บไซต์ที่เข้ามามีส่วนเพิ่มการการรับรู้ของแบรนด์ (Brand Awareness) ให้ดีขึ้น

 

5. เว็บไซต์ต้องปัง รองรับทุกการใช้งาน

ที่ไม่เพียงรองรับการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ แล็บท๊อป โน๊ตบุ๊ค หรือไอแพดเท่านั้น แต่หนึ่งในช่องทางสำคัญผู้คนใช้กันค่อนข้างมากอย่างสมาร์ทโฟนจะต้องเพิ่มการคำนึงถึงในส่วนนี้เพื่อดึงดูดผู้บริโภคด้วยประสบการณ์เชิงบวกที่ควรจะง่ายต่อการอ่านข้อมูล รวมถึงการดาวน์โหลดไฟล์และการแสดงผลข้อมูลต่าง ๆ

 

6. FAQ ต้องมี

คือ คำถามที่พบบ่อย หรือที่เรียกกันว่า Frequently Asked Questions ที่จะเข้ามาช่วยให้ผู้ใช้งานไม่ต้องเข้าไปไล่อ่านรายละเอียดทั้งหมดบนเว็บไซต์ แต่สามารถเข้ามาอ่าน FAQ เพื่อหาคำตอบได้เร็วขึ้นซึ่งหากผู้ใช้งานสนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมก็สามารถคลิกลิงก์เชื่อมต่อไปยังหน้าข้อมูลอื่น ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มเวลาให้ลูกค้าอยู่บนเว็บไซต์เราได้นานขึ้นและหากมีการตั้งคำถาม พร้อมระบุคำตอบที่ตอบโจทย์ Pain point จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการทักเข้ามาสอบเพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมและยังทำให้ Ranking การค้นหาอยู่ในลำดับต้น ๆ ได้อย่างยั่งยืน

 

 

การค้นหาด้วยเสียงไม่ว่าจะค้นหาด้วยเสียงภาษาไทย ค้นหาด้วยเสียง Google ที่ตรงกลุ่มเป้าหมายจะยิ่งช่วยยกระดับ เพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจให้ติดอันดับในการค้นหาของ SEO Voice Search  ได้อย่างยั่งยืนแต่ทั้งนี้ก็ต้องอาศัยทั้งความรู้ ระยะเวลา เครื่องมือที่ใช้ในเข้ามาทำ Keyword การปรับปรุงระบบ การอัปเดตข้อมูลอยู่เสมอรวมถึงการนำเสนอเนื้อหาที่มีส่วนช่วยเพิ่มการรับรู้ต่อแบรนด์ให้แก่ลูกค้าจะยิ่งช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้งานจนกลายมาเป็นผู้บริโภคในอนาคตได้อย่างยั่งยืน 

 

 

สนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โทร 02-026-6423

Line: @zort

0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x