กล้าที่จะต่าง! แนะนำ 3 เทคนิคการตลาดออนไลน์ที่คนมองข้าม แต่สามารถพาธุรกิจเติบโตได้เกินคาด
เมื่อพูดถึงธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ คุณนึกถึงอะไรบ้าง?
เวลาถามคำถามเช่นนี้ หลาย ๆ คน รวมถึงเจ้าของธุรกิจจำนวนไม่น้อยคงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “คุณภาพของสินค้าและบริการของธุรกิจ” เท่านั้นที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ เพราะถ้าหากธุรกิจไหนไม่ให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพเมื่อใด ธุรกิจนั้น ๆ ก็คงจะไม่สามารถรักษาฐานลูกค้าไว้ และกลายเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จต่อเนื่องได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว นอกเหนือปัจจัยทางด้านคุณภาพของสินค้าและบริการ การผลักดันธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ยังต้องอาศัยการขยายฐานลูกค้าจากการใช้ “เทคนิคการตลาด” ที่สามารถปรับใช้มาเป็นการทำ Online Marketing ต่อได้
ในวันนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจคร่ำหวอดในวงการมานาน หรือเป็นคนไฟแรงกำลังอยากเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ๆ เป็นของตัวเอง หากกำลังมองหาเทคนิคการตลาดดี ๆ ที่สามารถพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างมีคุณภาพได้ ZORT ขออาสาพาทุกคนไปเจาะลึกถึง 3 วิธีการทำการตลาดออนไลน์ที่คนส่วนใหญ่มักมองข้าม แต่กลับให้ผลลัพธ์และช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้มากกว่าที่คิดกัน แล้วแต่ละเทคนิค แต่ละวิธีจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตไปในทิศทางใด กดเลื่อนอ่านลงมาหาคำตอบไปพร้อมกันได้เลย!
เทคนิคการตลาดแบบที่ 1 : ใช้ Niche Marketing ให้เป็น
เวลาพูดถึงการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เจ้าของธุรกิจหลาย ๆ คนคงนึกถึงการสร้างฐานลูกค้าที่มีขนาดใหญ่ และการทำให้สินค้าและบริการที่ขายอยู่นั้น “แมส” หรือกลายมาเป็น #ของมันต้องมี ที่ทุกคนต้องสรรหามาเป็นเจ้าของให้ได้ ซึ่งจริงอยู่ว่า วิธีนี้ หรือที่หลายคนเรียกว่าเทคนิคการตลาดแบบ “Mass Marketing” นั้นถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สามารถช่วยพัฒนาธุรกิจในสเกลใหญ่ได้ แต่บ่อยครั้ง ความ “แมส” นี้ก็นำมาซึ่งปัญหา “การตัดราคา” เพื่อเรียกฐานลูกค้าจนทำให้ธุรกิจมากมายต้องเลือกที่จะ “ลดคุณภาพของสินค้า” เพื่อรักษาต้นทุนเอาไว้
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้นั้นไม่จำเป็นต้อง “แมส” และเข้าถึงฐานลูกค้าที่กว้างเสมอไป ซึ่งในการทำ Digital Marketing รูปแบบใหม่นั้น การทำการตลาดเฉพาะกลุ่ม หรือ “Niche Marketing” นั้นก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคการตลาดที่สามารถช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้ทั้งแบบ Offline และ Online เช่นเดียวกัน ซึ่งเทคนิคการทำการตลาดนี้จะเน้นที่การสร้างฐานลูกค้าที่มีรสนิยมหรือความชอบที่แตกต่าง และค่อนข้างเฉพาะเจาะจงกว่ากลุ่มคนทั่วไป ซึ่งการทำการตลาดเช่นนี้จะมีข้อได้เปรียบตรงที่
- ธุรกิจยังสามารถรักษาฐานราคาและคุณภาพของสินค้าไว้ได้ เพราะลูกค้าในกลุ่มที่มีความต้องการเฉพาะเจาะจงนั้นมักเน้นคุณภาพของสินค้ามากกว่าราคา
- ธุรกิจยังมีแนวทางการพัฒนาจุดแข็ง วาง Direction การต่อยอดที่ค่อนข้างชัดเจน อีกทั้งยังสามารถสร้าง Awareness ได้อย่างต่อเนื่อง เพราะในตลาดกลุ่มที่เฉพาะเจาะจงนั้นจะเน้นการตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด
ตัวอย่างการตลาดออนไลน์ที่ใช้ Niche Marketing
- ธุรกิจการคั่วเมล็ดกาแฟที่ยังคงพัฒนาการเบลนด์กลิ่นและรสชาติเฉพาะจากการใช้เมล็ดและเทคนิคการคั่วที่แตกต่างกัน
- ธุรกิจเกี่ยวกับกลิ่น เช่น การทำน้ำหอมและการทำเทียนหอมเฉพาะบุคคล หรือ การสร้างกลิ่นแบบ Personalization
- ธุรกิจแฟชั่นที่เน้นการขายเสื้อผ้าและรองเท้าสำหรับหนุ่มสาวไซซ์ใหญ่โดยเฉพาะ
- ธุรกิจสายสุขภาพ เช่น คลินิกที่เน้นการรักษาอาการปวดหลัง รวมถึงอาการออฟฟิศซินโดรมเพียงอย่างเดียว หรือคลินิกสำหรับเวชศาสตร์ชะลอวัยสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ
- ธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่เน้นการจำหน่ายสัตว์สายพันธุ์เฉพาะ เช่น แมวพันธุ์บริติชช็อตแฮร์ สุนัขพันธุ์โกลเด้น รวมไปถึงการจำหน่ายสัตว์เลื้อยคลานอย่างงู กิ้ง่กา และสัตว์หายาก เป็นต้น
เทคนิคการตลาดแบบที่ 2 : การทำ SEO และพัฒนาเว็บไซต์สำคัญกว่าที่คิด
เวลาต้องการจะซื้อสินค้าสักชิ้น หรือเปลี่ยนยี่ห้อผลิตภัณฑ์ ไม่เพียงแต่ลูกค้าเท่านั้น แน่นอนว่าแม้แต่เราเองก็ยังใช้ “Google” ในการค้นหาข้อมูลดูก่อนว่าผลิตภัณฑ์ไหนดี หรือสินค้ายี่ห้อไหนสามารถตอบโจทย์ความต้องการของเราได้ ด้วยเหตุนี้ หากธุรกิจไหนอยากเพิ่มยอดขายและการเติบโตในช่องทาง Offline และ Online ไปพร้อม ๆ กัน นอกเหนือจากการใช้โฆษณาตาม Social Media อย่างการใช้ Facebook Ads, Instagram Ads และ Tiktok Ads แล้ว การทำเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรกของ Google ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเทคนิคการตลาดออนไลน์ที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งการพัฒนาเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรกของ Google นั้นจัดได้ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ หากเราต้องการทำ Online Marketing ด้วยวิธีนี้ เพราะลองคิดดูง่าย ๆ หากเราต้องการจะหาข้อมูลอะไรสักชิ้น เราเองก็คงจะหาข้อมูลไม่เกินหน้า 5 หรือหน้า 6 ของ Google เช่นกัน ดังนั้น หากต้องการให้ลูกค้าเข้าถึงธุรกิจของเราได้ง่ายขึ้น และสามารถเรียก Awareness เพื่อเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายมาเป็นลูกค้าได้ การทำ SEO ให้ถูกหลัก Google รวมถึงการเลือก Keyword ที่มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับธุรกิจก็จะช่วยให้เว็บไซต์อยู่ในลำดับที่ดี อาจติดหน้าแรกของ Google ได้และทำให้ธุรกิจเติบโตในโลก Online และต่อยอดมาถึงการขายแบบ Offline ได้ โดยจากตัวอย่างการตลาดออนไลน์โดยการใช้ SEO ของธุรกิจในหลาย ๆ อุตสาหกรรมนั้นพบว่า เมื่อลูกค้าเห็นความน่าเชื่อถือ และคุณภาพสินค้าจากเว็บไซต์แล้ว ลูกค้ายังมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าทาง Offline และหน้าร้านมากขึ้นอีกด้วย
แต่ถึงจะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ในหลาย ๆ ทาง ZORT ก็อยากขอให้เจ้าของธุรกิจทุกคนที่เลือกใช้วิธีทำการตลาดออนไลน์แบบนี้เข้าใจก่อนว่า การทำ SEO นั้นเป็นการทำธุรกิจที่ “ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม” โดยการทำ Digital Marketing รูปแบบนี้จะเป็นการพัฒนาเว็บไซต์ให้ขึ้นไปติดหน้าแรกของ Google แบบธรรมชาติ และมักใช้เวลาอย่างน้อย 3 – 6 เดือนในการไต่ลำดับ ซึ่งการที่เราเร่งรีบในการติดลำดับจนเผลอทำ SEO สายดำ หรือทำผิดหลักของ Google เมื่อไหร่ เว็บไซต์ก็อาจเสี่ยงโดนแบนจนไม่สามารถติดลำดับใด ๆ ได้อีก
เทคนิคการตลาดแบบที่ 3 : บาลานซ์ Inbound – Outbound ให้ดี และอย่าทิ้ง Offline
ในยุคที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยโลก Online เช่นนี้ เจ้าของธุรกิจหลายคนเปลี่ยนเทคนิคการตลาดแบบเดิม ๆ มาเน้นที่การทำ Online Marketing เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้ว การจะผลักดันธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ยังต้องอาศัยการพลิกแพลง รวมถึงการทำความเข้าใจ Inbound, Outbound และ Offline Marketing ควบคู่ไปกับการใช้เทคนิคการตลาดออนไลน์ ซึ่ง Zort ขออธิบายให้ทุกคนเข้าใจง่าย ๆ ดังนี้
- Inbound Marketing
Inbound Marketing คือ เทคนิคการตลาดที่จะสร้างกลุ่มลูกค้าเอาไว้ จากนั้นจึงดึงดูดคนแปลกหน้าให้เข้ามาเป็นลูกค้าของธุรกิจได้ด้วยวิธีต่าง ๆ
ตัวอย่างการตลาดออนไลน์ที่ใช้ Inbound Marketing
- การทำคอนเทนต์รูปแบบต่าง ๆ บน Social Media Platform และเว็บไซต์เพื่อเรียก Awareness อยู่สม่ำเสมอ อาจจะใช้เป็น real-time content ที่เรียกความสนใจได้เป็นครั้งคราว หรือจะเป็นการออกแบบ Evergreen Content เพื่อให้ลูกค้าใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว
- แต่นอกจากจะเป็นเทคนิคการตลาดออนไลน์แล้ว Inbound Marketing ยังถูกใช้เรียก Awareness ในงานเปิดตัวสินค้าต่าง ๆ ได้อีกด้วย เช่น การเปิดตัวโทรศัพท์ iPhone ของ Apple เองก็ใช้ Inbound Marketing เช่นเดียวกัน
- Outbound Marketing
Outbound Marketing คือ เทคนิคการตลาดที่ธุรกิจจะวิ่งไปหาลูกค้าเอง หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่าเป็นการตลาดแบบผลักออกนั่นเอง ซึ่งการทำการตลาดเช่นนี้จะเน้นการขยายฐานลูกค้าแบบไม่จำกัดกลุ่ม หรือพูดง่าย ๆ ก็คือเป็นการตลาดแบบเหวี่ยงแหให้ได้ลูกค้าเยอะ ๆ ไว้ก่อน
ตัวอย่างการตลาดออนไลน์ที่ใช้ Outbound Marketing
- การโปรโมทสินค้าผ่านการใช้ Offline Platform เช่น การใช้ป้ายโฆษณา แจกใบปลิว โฆษณาทีวี
- แต่นอกเหนือจากการใช้ Offline Platform แล้ว การทำ Online Marketing ที่เน้นการใช้ Outbound Marketing ยังมีให้เห็นบ่อย ๆ ในรูปแบบของ In-Stream Video Ads ตาม YouTube รวมถึงการใช้ Display Ads ตามเว็บไซต์
ซึ่งจากทั้ง Inbound และ Outbound นี้ เจ้าของธุรกิจคงจะเห็นได้คร่าว ๆ แล้วว่า วิธีทำการตลาดออนไลน์แบบไหนนั้นเหมาะกับทิศทางของธุรกิจมากกว่ากัน ในบางครั้ง ธุรกิจบางอย่างอาจใช้ Outbound Marketing ไม่สำเร็จเนื่องจากคนรุ่นใหม่ชอบกดข้ามโฆษณาที่ซื้อไว้ตาม YouTube หรือเว็บไซต์ หรือเลิกอ่านป้ายตามทางและหันมาใช้โทรศัพท์มากขึ้น การทำ Inbound Marketing โดยการผลิตคอนเทนต์คุณภาพดี ๆ เพื่อเรียก Awareness ก็จะสามารถช่วยพัฒนาธุรกิจต่อไปได้ ดังนั้น อย่าลืมพิจารณาทิศทางของธุรกิจ และหาทางบาลานซ์ Inbound และ Outbound Marketing ไปพร้อม ๆ กัน
และที่สำคัญ ถึงเทคนิคการตลาดออนไลน์ทั้ง 2 จะสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจมากแค่ไหน แต่ก็อย่าลืมพัฒนาการซื้อขายผ่าน Offline Platform ควบคู่ไปด้วย เพราะอย่าลืมว่าก็ยังมีลูกค้าบางคนที่ไม่ได้เทคโนโลยี หรือใช้เทคโนโลยีไม่ถนัดเช่นเดียวกัน ดังนั้น เพื่อรักษาฐานลูกค้ากลุ่มนี้ไว้ อย่าลืมให้ความสำคัญกับกิจกรรม Offline เช่น การบริการหน้าร้าน การเทรนด์พนักงาน รวมถึงการเข้าร่วมงานแฟร์ต่าง ๆ เป็นต้น
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าเทคนิคแต่ละแบบจะช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างไร การจะประสบความสำเร็จในธุรกิจได้นั้นยังอาศัยประสบการณ์ จังหวะ รวมถึงการวางแผนที่รัดกุม ซึ่ง ZORT หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเทคนิคการตลาดทั้ง 3 แบบที่นำมาฝากในวันนี้จะช่วยให้ธุรกิจมีแนวทางการพัฒนาและต่อยอดในอนาคตได้ ดังนั้น อย่าลืมนำทั้ง 3 เทคนิคนี้ไปปรับใช้ให้เข้ากับธุรกิจของตัวเองด้วยนะ
บทความอื่น ๆ ที่คุณอาจจะสนใจ
อัปเดตปี 2024 พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ขายอะไรใน TikTok Shop ดี?
พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หน้าใหม่ขายอะไรใน TikTok ดี อยากยอดขายปัง ZORT แจกลิสต์ 5 อันดับสินค้าขายดีใน TikTok Shop ประจำปี 2024 จะมีอะไรน่าสนใจ มาดูกันเลย
รู้จักกลยุทธ์ “Guerrilla Marketing” การตลาดกองโจร จู่โจมหาลูกค้า!
Guerrilla Marketing หรือการตลาดแบบกองโจร ที่จู่โจมกลุ่มเป้าหมายโดยไม่ทันตั้งตัวคืออะไร ทำไมถึงน่าสนใจ แล้วมีแบรนด์ระดับโลกเจ้าไหน ใช้การตลาดกองโจรบ้าง?
ZORT Academy “คอร์ส Scale Up ธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการออนไลน์”
ปิดตัวอย่างสวยงามกับงานเปิดตัว ZORT Academy “คอร์ส Scale Up ธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการออนไลน์ จัดโดยบริษัท ซอร์ทเอาท์ วันที่ 27 กันยายน 2567 เวลา 13.00 – 17.00 น.