ความเข้าใจผิดของ Content Creator หลายๆคนเกี่ยวกับ Social Media แต่ละ Platform
เมื่อ Social Media แต่ละแพลตฟอร์มมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทำให้ Content Creator หลายๆคนมักเข้าใจผิดในการสื่อสารคอนเทนต์ในรูปแบบเดิมๆซ้ำๆ แต่นำมาลงในหลายๆแพลตฟอร์มใน Format ที่คล้ายคลึงกัน ส่งผลให้ผู้ติดตามที่ติดตามเราทุกช่องทางเกิดความเบื่อหน่าย ซึ่งอาจเป็นเหตุให้กดเลิกติดตามเลยก็ว่าได้
ยิ่งไปกว่านั้นการลงคอนเทนต์แบบนี้ ยังเป็นการ Freeze เพจของตนด้วยเนื่องจากอัลกอลิทึ่มที่ไม่เหมือนกัน ทำให้การแสดงผลของคอนเทนต์นั้นๆไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร กล่าวคือหากเรานำคอนเทนต์ที่มีรายน้ำ และรูปแบบของ TikTok มาลงใน Ig Reels การแสดงผลในหน้า Ig Reels จะปิดกั้นพร้อมทั้งคุณภาพคลิปที่ได้จะไม่ดีเท่าที่ควรเนื่องจากไซส์ของคลิปวีดีโอ แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนที่จะสื่อสารอะไรออกไปเราควร รู้ก่อนว่า Social Media แพลตฟอร์มนี้ มีหน้าที่แตกต่างกันอย่างไร ไปชมกัน
Community Online ที่เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดในโลกปัจจุบัน โดยฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ Facebook ที่นักการตลาดนิยมใช้เพื่อสร้างคอนเทนต์คงหนีไม่พ้น Facebook Page, Facebook Group และ Facebook Live ที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องด้วยมีการแบ่งกลุ่มความชอบที่ชัดเจน โดยจะมีฟีเจอร์ Discover ที่คอยเก็บข้อมูลและคอยศึกษาความชอบของแต่ละตัวบุคคล เพื่อที่จะแสดงสิ่งที่เหมือนกันให้เห็น
จึงสรุปได้ว่า Facebook เหมาะสำหรับคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบ สิ่งสำคัญคือการศึกษา และโฟกัสกลุ่มเป้าหมายของเราว่า ชอบคอนเทนต์แบบไหน เนื่องจากอัลกอลิทึ่มของ Facebook ที่สามารถรองรับได้หลายรูปแบบการแสดงผลจึงค่อนข้างมีเสถียรภาพกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ดังนั้นก็ขึ้นอยู่ที่คุณแล้วว่าจะทำคอนเทนต์แบบไหน เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับ Page ของคุณเอง
อีกหนึ่งช่องทางการสื่อสารแบรนด์ที่ทรงพลังที่สุดแพลตฟอร์มหนึ่ง โดย Instagram เป็นช่องทางการเล่าเรื่องถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับแบรนด์ แบบค่อนข้าง Real Time ทำให้การสื่อสารจากแบรนด์ถึงกลุ่มเป้าหมายมีประสิทธิภาพอย่างมาก โดยมีฟีเจอร์เด่นๆที่คนมักนิยมใช้กันคือ Ig Story, Ig Reels และ Instagram Profile Post ซึ่งจะเน้นความ Real Time และความสนุกสนานของ ประสบกาณ์ที่ตนเคยประสบมาแชร์ให้ Follower ได้รู้ เป็นการแนะนำตัวเอง ผ่านวีดีโอสั้น
ในแง่ของแบรนด์และนักการตลาดออนไลน์มักจะใช้รูปภาพในการขายสินค้า และวีดีโอคลิปในการสื่อสารแบรนด์ โดยเน้นใส่ราคาไว้บนรูปสินค้า ให้คนเห็นเพียงสั้นๆ และรับรู้เลย บ้างก็โพสลง Ig Story และใส่ลิ้งค์เพื่อให้ไปอ่านต่อหรือเลือกชมแบบ Full Collection ในแพลตฟอร์มอื่นๆที่เหมาะแก่การอ่านมากกว่า ทำให้เห็นค่อนข้างชัดว่าอัลกอลิทึ่มของ Instagram นั้นชอบในเรื่องรูปภาพ และวีดีโอเป็นหลัก Text อาจไม่สำคัญเหมือน Platform อื่นๆ
จึงสรุปได้ว่า Instagram เหมาะกับคอนเทนต์ประเภทรูปภาพ และคลิปวีดีโอสั้น โดยเน้นวีดีโอประเภทที่สามารถสื่อสารแบรนด์ได้ดีพร้อมกับการ Tie-in อย่างเช่น คอนเทนต์ How to, การสาธิต,การให้ความรู้ จนไปถึงเบื้องหลังการทำงาน ที่สร้าง First impression และความน่าสนใจต่อวีดีโอคอนเทนต์เหล่านี้มัก Impact ต่อผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าเสมอไม่มากก็น้อย!
Youtube
แพลตฟอร์มสร้างสรรค์ Video Content แบบยาวคงหนีไม่พ้น Youtube โดยแพลตฟอร์อมนี้เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ดีในการสร้างตัวตนของแบรนด์ ผ่านคอนเทนต์ประเภทต่างๆ ภายใน Channel ของตน ทำให้ Youtube เหมือนเป็นอีกหนึ่งช่องรายการทีวีที่สามารถดูย้อนหลังเท่าไหร่ก็ได้ ทำให้ Creator ที่สร้างคอนเทนต์ผ่านช่องทางนี้ล้วนทำคลิปในรูปแบบความยาวที่ค่อนข้างยาว มีความสนุกสนานพร้อมทั้งสอดแทรกสินค้าของตนลงไว้ในคลิป
จึงสรุปได้ว่า Youtube ควรใช้สื่อสารเป็นคอนเทนต์ที่เน้นความสนุกสนาน ซึ่งเน้นการ Tie-in สินค้าภายในคลิป โดยเราไม่แนะนำการสื่อสารแบรนด์ภายในแพลตฟอร์มดังกล่าวเนื่องจากค่าใช้จ่ายต่อคลิปค่อนข้างสูงนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม Youtube ได้ออกฟีเจอร์ใหม่สำหรับคนเที่มีเวลาน้อย และนักการตลาดที่ต้องการสื่อสารแยรนด์ผ่านช่องทางนี้ อย่าง Youtube Short เป็นคอนเทนต์วีดีโอแบบสั้น ที่สามารถสื่อสารแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาเพียงแค่ 15 วินาทีนั่นเอง
TikTok
อีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากในช่วงการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากนโยบาย Lockdown ของภาครัฐที่ต้องการลดเชื้อ ทำให้แพลตฟอร์มนี้ได้รับความนิยมเนื่องจากจุดประสงค์ของแอพพลิเคชั่นที่เข้าใจ Logic ของมนุษย์ว่ามนุษย์ชอบอะไรที่กระชับ และเข้าใจง่าย ทำให้ TikTok เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ปฏิวัติวงการ Social Media เลยก็ว่าได้ โดยรูปแบบของคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มนี้จะเป็นคลิปวีดีโอที่มีเนื้อหากระชับตั้งแต่ 5 วินาที จนไปถึง 1 นาที ทำให้คอนเทนต์ที่สื่อออกไปต้องมีเนื้อหาที่เข้าใจง่าย สนุกสนาน และสร้างความประทับใจได้ใน First Impression ซึ่งก็จะรวมไปถึงการเลือก Audio การใช้ Effect การตัดต่อคลิปวีดีโอ และการเลือกรูปน่าปกคลิปนั่นเอง โดย TikTok Live เป็นอีกหนึ่งคีย์ฟีเจอร์ที่ทำให้แพลตฟอร์มนี้น่าสนใจ เนื่องจากเป็นการสร้าง Engagement แบบ Real Time ต่อบุคคลที่เหล่า Follower หรือกลุ่มที่ชื่นชอบแบบเดียวกันสนใจ นักการตลาดจึงนิยมใช้ Influencer เหล่านี้ Live เพื่อขายของ และ Tie-in สินค้าภายในคลิปด้วยนั่นเอง
จึงสรุปได้ว่า TikTok ควรใช้คอนเทนต์แบบวีดีโอสั้นในการสื่อสาร โดยเน้นการสร้าง First Impression ด้วยคุณภาพคลิป และความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนอคอนเทนต์ใน 1-2 วินาทีแรก หากมองในเชิงผู้ประกอบการนั้นควรกำหนด Influencer ให้ตรงกลับกลุ่มเป้าหมายของสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เราต้องการขาย ทั้งการ Tie-in และรับ Live สินค้า ประกอบกับควรให้ Influencer เหล่านั้นเลือกที่จะขายสินค้าในรูปแบบของตัวเอง แทนที่จะไปกำหนดขอบเขต เนื่องจาก Follower ของคนเหล่านั้นติดตามเพราะ ความเป็นคนคนนั้น การที่เรากำหนดตัวตนก็เหมือนการหลอกลวงผู้บริโภคทางอ้อมนั่นเอง
ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างคอนเทนต์ที่ควรลงในแต่ละแพลตฟอร์ม Social Media หากเราสื่อสารได้ตรง และสามารถแยกประเภทได้นั้น ZORT เชื่อว่าการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า จนไปสู่การปิดการขายก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป วันนี้ ZORT ระบบจัดการออเดอร์และสต๊อก ขอลาไปก่อนครั้งหน้าจะเป็นเรื่องอะไร อย่าลืมติดตามน้า
สนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร 02-026-6423
Line: @zort