แจกวิธีฝากขายสินค้าหลายสาขา ทำอย่างไรให้สต๊อกไม่พลาด กำไรไม่รั่วไหล

5 views

มือใหม่ต้องรู้! ฝากขายสินค้าหลายสาขา จัดการอย่างไรให้ธุรกิจเติบโต และควบคุมได้อยู่หมัด

 

​​การขยายช่องทางการขายด้วยวิธีฝากขายสินค้าหลายสาขา ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้แบรนด์ เข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น โดยไม่ต้องแบกรับภาระการลงทุนหน้าร้านเองทั้งหมด

 

อย่างไรก็ตาม วิธีนี้มักมาพร้อมกับความยุ่งยากในการบริหารจัดการเมื่อคุณมีจุดฝากขายหลายแห่ง ทั้งสต๊อก การเงิน และรายงานยอดขายที่แตกกระจัดกระจาย ทำให้เจ้าของธุรกิจต้องเผชิญกับปัญหาสินค้าสูญหาย สต๊อกไม่ตรง หรือสรุปยอดขายแต่ละสาขาได้ยาก

 

บทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักวิธีฝากขายสินค้าหลายสาขาที่ธุรกิจมืออาชีพเลือกใช้ เพื่อควบคุมทุกจุดฝากขายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมแนะนำโซลูชันที่จะเปลี่ยนความยุ่งยากในการบริหารจัดการสต๊อกให้กลายเป็นเรื่องง่าย

 

3 ช่องโหว่หลักที่คนฝากขายสินค้าหลายสาขาต้องเจอ

 

การตัดสินใจขยายจุดฝากขายนับเป็นอีกก้าวสำคัญของการเติบโตทางธุรกิจ ซึ่งมักจะมาพร้อมกับความท้าทายใหม่ ๆ ที่ซับซ้อนขึ้น หากไม่มีเครื่องมือหรือระบบบริหารจัดการที่เหมาะสม อาจต้องเผชิญกับ 3 ปัญหาหลักนี้

 

สต๊อกไม่ตรง ไม่รู้สินค้าอยู่ไหน

เมื่อสินค้ากระจายตัวอยู่ในหลายจุดฝากขาย ปัญหาที่ตามมาคือ Inventory Control ที่ผิดพลาด ข้อมูลสต๊อกสินค้าที่ได้มาไม่ใช่แบบ Real-time ทำให้เกิดความผิดพลาดในการบริหารจัดการ ดังนี้

 

  • ขายเกิน (Overselling): ได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาแต่สินค้าหมดสต๊อกที่จุดนั้น ๆ แล้ว ทำให้ต้องปฏิเสธลูกค้า เสียความน่าเชื่อถือ และขาดโอกาสในการสร้างรายได้

     

  • ขาดโอกาส (Understocking): มีสินค้าเหลือค้างอยู่ที่สาขา A แต่สาขา B กำลังขายดีและสินค้าหมด ทำให้ไม่สามารถหมุนเวียนสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ช่องโหว่หลักที่คนฝากขายสินค้าหลายสาขาต้องเจอ

 

รายงานยอดขายล่าช้าและไม่แม่นยำ

การบริหารจัดการด้วยตาราง Excel หรือรอการสรุปยอดจากพนักงานในแต่ละสาขา จะทำให้ข้อมูลมาถึงคุณช้า ส่งผลกระทบต่อการมองเห็นภาพรวมของธุรกิจที่ไม่ชัดเจน และยังทำให้วางแผนธุรกิจได้ลำบากอีกด้วย

 

  • วางแผนการผลิต/สั่งซื้อได้ช้า: เมื่อไม่รู้ว่าสินค้าตัวไหนขายดีที่สุดในแต่ละสาขา ทำให้คุณไม่สามารถตัดสินใจสั่งผลิตสินค้าขายดีเข้ามาเติมได้ทันตามความต้องการของตลาด หรือไม่รู้ว่าควรโละสินค้าที่ค้างสต๊อกที่สาขาไหนก่อน

     

  • วัดผลกำไร/ขาดทุนยาก: หากรายงานไม่แม่นยำหรือรวมยอดจากหลายจุดผิดพลาด คุณจะไม่สามารถคำนวณกำไรสุทธิของแต่ละสาขาได้

 

การจัดการเอกสารบัญชีและภาษีที่ซับซ้อน 

การจัดการฝากขายสินค้าหลายสาขาคือการจัดการเอกสารหลายชุดจากหลายแหล่ง ซึ่งสร้างภาระหนักให้ทีมบัญชีและเจ้าของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น

 

  • วุ่นวายกับการรับ-จ่ายและส่วนแบ่ง: ต้องคำนวณส่วนแบ่งการขาย (Commission) ให้แต่ละจุดฝากขายอย่างถูกต้อง พร้อมทั้งบริหารจัดการเอกสารรับสินค้า-จ่ายเงินคืน (Consignment Slip) จำนวนมาก

     

  • คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT): การบันทึกและรวบรวมข้อมูลเพื่อนำไปยื่นภาษีอย่างถูกต้อง เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและใช้เวลามาก หากข้อมูลกระจัดกระจาย ย่อมเสี่ยงต่อข้อผิดพลาดทางบัญชี และภาษี

 

จัดการฝากขายสินค้าหลายสาขาอย่างไรให้สำเร็จใน 3 ขั้นตอน 

ปัญหาเหล่านี้พิสูจน์แล้วว่าการใช้ Excel หรือการจัดการแบบ Manual ไม่สามารถรองรับการเติบโตได้อีกต่อไป แล้วธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการขยาย ฝากขายสินค้าหลายสาขาเขาใช้กลยุทธ์อะไร มาดูกันว่า 3 ขั้นตอนสำคัญที่ช่วยควบคุมการเติบโตได้อยู่หมัดมีอะไรบ้าง

 

จัดการฝากขายสินค้าหลายสาขาอย่างไรให้สำเร็จ

 

1. สร้างระบบกลางในการสื่อสารและบันทึกข้อมูล

หลักสำคัญของการจัดการฝากขายสินค้าหลายสาขาคือการมีแหล่งข้อมูลจริงแหล่งเดียว เพราะการอัปเดตข้อมูลบนไฟล์ Excel ที่มีหลายเวอร์ชันนั้นไม่ตอบโจทย์อีกต่อไปแล้ว

  • ช่องทางเดียว: ทุกการเคลื่อนไหวของสินค้า ตั้งแต่การรับเข้า การขายออก และการโอนย้ายระหว่างสาขา ควรถูกบันทึกในช่องทางเดียวที่ทุกฝ่ายเข้าถึงได้แบบเรียลไทม์

     

  • ลดการสื่อสารผิดพลาด: ระบบกลางนี้จะช่วยลดความจำเป็นในการโทรสอบถาม หรืออีเมลติดตามข้อมูล ทำให้พนักงานที่จุดฝากขายสามารถทุ่มเทเวลาให้กับการขายได้มากขึ้น

 

2. กำหนดรอบการตรวจนับและรายงานที่ชัดเจน

แม้ว่าคุณจะเริ่มใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยแล้ว แต่การควบคุมทางกายภาพก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ข้อมูลในระบบตรงกับความเป็นจริง

 

  • ความสำคัญของการตรวจนับจริง: กำหนดรอบการตรวจนับสินค้าคงคลังจริงอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งรอบการตรวจนับควรสอดคล้องกับข้อมูลในระบบเพื่อหาความคลาดเคลื่อน และแก้ไขได้ทันที

     

  • รายงานเชิงรุก: แทนที่จะรอให้จบเดือนเพื่อสรุปยอด ควรมีการเรียกดูรายงานความคืบหน้าการขายเป็นรายสัปดาห์ เพื่อให้สามารถตัดสินใจเติมสินค้า หรือโอนย้ายสินค้าจากสาขาที่ขายช้าไปยังสาขาที่ขายดีได้อย่างรวดเร็ว

 

จัดการฝากขายสินค้าหลายสาขาโดยกำหนดรอบตรวจนับ

 

3. ฝากขายหลายสาขาด้วยระบบฝากขายสินค้า

การพึ่งพาวิธีการแบบเดิม ๆ เพื่อรับมือกับการเติบโตแบบทวีคูณถือเป็นความเสี่ยง การลงทุนใน ฝากขายหลายสาขาด้วยระบบฝากขายสินค้า ที่ออกแบบมาเพื่อการจัดการหลายสาขาโดยเฉพาะ จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

 

  • ลดความเสี่ยง ประหยัดเวลา: ระบบอัตโนมัติจะช่วยลดความผิดพลาดของมนุษย์ ในการคำนวณส่วนแบ่งการขาย การตัดสต๊อก และการออกเอกสาร

     

  • ยกระดับเป็นมืออาชีพ: การใช้ระบบฝากขายสินค้าหลายสาขาไม่ใช่เพียงแค่การแก้ปัญหาชั่วคราว แต่เป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งรองรับการขยายธุรกิจได้ในอนาคตอีกด้วย

 

เจาะลึกโซลูชัน คุณสมบัติที่ระบบฝากขายสินค้าหลายสาขาต้องมีเพื่อควบคุม

การลงทุนในระบบบริหารจัดการจุดฝากขายสินค้าหลายสาขา ถือเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง เพราะจะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถควบคุมการบริหารสินค้าคงคลัง การขาย และการเงินในทุกจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกใช้ระบบใดก็ตาม ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบนั้นมี 3 คุณสมบัติสำคัญนี้หรือไม่

 

คุณสมบัติที่ระบบฝากขายสินค้าหลายสาขาต้องมี

 

1. Real-time Stock Tracking: เห็นสินค้าคงเหลือในทุกสาขา

ข้อแรกคือเรื่อง Real-time Stock Tracking ระบบที่ดีควรตัดสต๊อกทันทีเมื่อมีการขายในทุกสาขา สต๊อกที่คงเหลือในทุกสาขามีความแม่นยำ เพื่อป้องกันการขายเกิน (Overselling) และช่วยในการตัดสินใจโอนย้ายสินค้าได้อย่างรวดเร็ว

 

2. Centralized Reporting: รวมยอดขายและรายงานในที่เดียว

Centralized Reporting เป็นแหล่งรวมยอดขาย กำไร ขาดทุน จากทุกจุดฝากขายไว้ในหน้าจอเดียว ทำให้คุณไม่ต้องเสียเวลารอข้อมูล และมีภาพรวมธุรกิจที่ชัดเจนพอที่จะวางแผนการผลิต และการสั่งซื้อได้อย่างทันท่วงที

 

รู้จักฟีเจอร์ดี ๆ จาก ZORT ที่ช่วยให้การรายงานสต๊อกสินค้าและรายงานการขายสำหรับธุรกิจของคุณเป็นอย่างมีประสิทธิภาพ คลิกที่นี่เลย!

 

3. Automated Consignment Slip & Billing: จัดการเอกสารบัญชีอัตโนมัติ

เพื่อลดภาระงานบัญชีและลดความเสี่ยงด้านภาษี ระบบควรมีฟังก์ชันช่วยคำนวณส่วนแบ่งการขาย (Commission) และออกเอกสารรับ/จ่ายที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ ZORT ออกแบบมาเพื่อลดข้อผิดพลาดการทำงานของมนุษย์

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

 

มีจุดฝากขายกี่แห่งถึงควรเปลี่ยนมาใช้ระบบฝากขายสินค้า?

หากคุณมีจุดฝากขายสินค้าตั้งแต่ 3 แห่งขึ้นไป หรือมีการหมุนเวียนสินค้าสูง ควรเปลี่ยนมาใช้ระบบฝากขายสินค้าทันที เพื่อป้องกันปัญหาความคลาดเคลื่อนของสต๊อกและรายงานการเงินที่เริ่มซับซ้อน

 

สินค้าที่ฝากขายใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์?

กรรมสิทธิ์ในสินค้ายังคงเป็นของผู้ฝากขาย (เจ้าของแบรนด์) จนกว่าสินค้าจะถูกขายออกไป ณ จุดฝากขายนั้น ๆ ผู้รับฝากขายเป็นเพียงผู้ดูแลและทำหน้าที่ขายเท่านั้น

 

การฝากขายสินค้าหลายสาขา ต่างจากการเปิดสาขาเองอย่างไร?

การฝากขายหลายสาขาช่วยให้แบรนด์ขยายตลาดได้รวดเร็ว โดยไม่ต้องลงทุนค่าเช่า ค่าตกแต่ง หรือค่าจ้างพนักงานเต็มตัวในทุกจุดขาย แต่ต้องแลกมาด้วยการแบ่งส่วนแบ่งการขายให้ผู้รับฝากขาย

 

บทสรุป

การขยายธุรกิจด้วยกลยุทธ์ฝากขายสินค้าหลายสาขาคือโอกาสที่มาพร้อมความท้าทาย หากคุณยังคงใช้วิธี Manual หรือ Excel ในการจัดการที่ซับซ้อน ความเสี่ยงที่จะเกิดสินค้าสูญหาย สต๊อกผิดพลาด และการตัดสินใจทางธุรกิจที่ล่าช้าก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย

 

ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่จะเปลี่ยนความยุ่งยากเหล่านี้ให้กลายเป็นความง่ายผ่านระบบจัดการหลังบ้านของ ZORT ด้วยฟังก์ชันหลักอย่าง Real-time Stock Tracking, Centralized Reporting และ Automated Consignment Slip & Billing ที่จะทำให้คุณควบคุมทุกจุดฝากขายได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

 

สนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โทร 02-026-6423

Line: @zort