ส่องเทรนด์ธุรกิจร้านอาหารวีแกน-มังสวิรัติยังน่าลงทุนอยู่ไหม ?
ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพถือเป็นกระแสมาแรงและมีแนวโน้มเติบโตขึ้นสูงมากในปัจจุบัน เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องอาหารการกิน ซึ่งหนึ่งในเทรนด์การกินเพื่อสุขภาพที่มาแรงเลยก็คือการงดเว้นจากเนื้อสัตว์ผ่านกินวีแกนหรือการกินมังสวิรัติ แล้วถ้าเกิดว่าเราอยากจะกระโจนลงมาทำธุรกิจร้านอาหารวีแกนหรือาหารกลุ่มมังสวิรัติในตอนนี้ยังน่าสนใจและคุ้มที่จะลงทุนหรือไม่บทความนี้เราจะพาคุณไปส่องความแตกต่างและเทรนด์ธุรกิจอาหารวีแกนและอาหารมังสวิรัติกัน ว่าแตกต่างกันแบบไหน มีแนวโน้มการเติบโตอย่างไร อ่านจบแล้วน่าจะพอเห็นคำตอบและโอกาสในธุรกิจนี้กันมากขึ้น
แนวโน้มเทรนด์ธุรกิจอาหารวีแกนและมังสวิรัติ
การบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพโดยเน้นที่การหันมาบริโภคพืชผักผลไม้และงดการรับประทานเนื้อสัตว์เป็นเทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรงมากดังจะเห็นในช่วงหลายปีให้หลังมานี้ว่าร้านอาหารคลีนอาหารเพื่อสุขภาพผุดขึ้นอย่างกับดอกเห็ดเพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ใส่ใจกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยแนวโน้มของกลุ่มผู้บริโภควีแกนจากทั่วโลกนั้นเพิ่มสูงขึ้นถึง 987% ในปี 2560 จนในปี 2561 มีมูลค่าตลาดถึง 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเติบโตถึง 200,000 ล้านบาทในปี 2566 โดยหากพิจารณาเฉพาะในไทยจากสถิติในปี 2562 มีประชากรที่บริโภคอาหารวีแกนและมังสวิรัติมากถึง 2.3 ล้านคน เลยทีเดียว
การประกอบธุรกิจอาหารมังสวิรัติและอาหารวีแกนจึงดูจะมีอนาคตที่สดใสแน่นอน ยิ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีทางอาหารได้ผลิต Plant-Based หรือโปรตีนจากพืชขึ้นมาทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ซึ่งให้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่แทบจะไม่ต่างจากเนื้อสัตว์เลย เราสามารถนำมาปรับประยุกต์ทำเมนูอาหารได้หลากหลาย
ความต่างของธุรกิจอาหารวีแกน มังสวิรัติ และ เจ
ส่วนความแตกต่างของธุรกิจอาหารวีแกนกับมังสวิรัตินั้นก็คือ
- วีแกน คือ ไม่บริโภคทุกสิ่งทุกอย่างที่มาจากสัตว์แบบเคร่งครัด ทั้งเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มาจากสัตว์
- มังสวิรัติ คือ งดรับประทานเนื้อสัตว์ แต่ยังรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ได้
- เจ คือ คนที่รับประทานเจนอกจากจะงดเนื้อสัตว์และผลิตถัณฑ์จากสัตว์แล้วเจงดรับประทานผักที่มีกลิ่นฉุน 5 อย่าง ได้แก่ กระเทียม หัวหอม กุยช่าย กระเทียมโทนจีน และใบยาสูบ
ดังนั้น ก่อนจะเริ่มทำธุรกิจร้านอาหารวีแกนหรือมังสวิรัติต้องตอบตัวเองให้ชัดก่อนว่าจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มไหน เพราะหากคุณเจาะกลุ่มวีแกนเท่ากับว่าทุกอย่างในร้านของคุณต้องปลอดจากสัตว์ 100% แต่ถ้าเน้นเจาะกลุ่มคนกินมังสวิรัติคุณก็จะพลาดกลุ่มลูกค้าที่เป็นวีแกนหรือกินเจไปเลย ซึ่งเราแนะนำว่าให้เจาะกลุ่มลูกค้าวีแกนไปเลยตั้งแต่แรก เพราะยังไงแล้วก็สามารถใช้โปรตีนจากพืชหรือ Plant-Based ทดแทนเนื้อสัตว์ในทุก ๆ เมนูอยู่แล้ว ส่วนลูกค้าที่รับประทานเจแนะนำให้ลูกค้าระบุทุกครั้งเราจะได้งดเว้นผักฉุนทั้ง 5 ชนิดไม่นำมาปรุงอาหารเสิร์ฟลูกค้า
กลุ่มลูกค้าในธุรกิจอาหารวีแกนและมังสวิรัติ
หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าการธุรกิจอาหารวีแกนหรือทำร้านอาหารเจ-มังสวิรัตินั้นจะต้องไม่ค่อยมีลูกค้าแน่ ๆ เลย หรือมีก็จะมีเฉพาะกลุ่มไม่สามารถขายกลุ่มลูกค้าทั่วไปให้แมสได้เหมือนขายอาหารปกติ หรือไม่ก็จะขายดีในช่วงเทศกาลกินเจซึ่งมีแค่ปีละครั้งเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายหลักในธุรกิจอาหารวีแกนนั้นมีหลากหลายมากตั้งแต่กลุ่มลูกค้าทั่วไป กลุ่มลูกค้าคนรักสุขภาพ กลุ่มลูกค้าสายมู และกลุ่มลูกค้าเฉพาะ ซึ่งเราสามารถทำการตลาดเจาะกลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้เพื่อสร้างรายได้ในธุรกิจอยู่รอดอย่างมั่นคงได้
กลุ่มลูกค้าทั่วไปในธุรกิจอาหารวีแกน และมังสวิรัติ
กลุ่มลูกค้าทั่วไปคือกลุ่มคนทั่วไปที่อยากจะลองรับประทานอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ดู ไม่ใช่กลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์ในการรับประทานวีแกนหรือมังสวิรัติเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ถ้าเราสามารถทำอาหารจากพืชให้ออกมามีรสชาติไม่แตกต่างจากการใช้เนื้อสัตว์คนกลุ่มนี้ก็พร้อมที่จะจ่ายและเปิดใจลอง
กลุ่มลูกค้ารักสุขภาพในธุรกิจอาหารวีแกน และมังสวิรัติ
กลุ่มคนรักสุขภาพเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของธุรกิจร้านอาหารวีแกน-มังสวิรัติ เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ตั้งใจจะงดเว้นจากการรับประทานเนื้อสัตว์เพื่อสุขภาพ อยากให้สุขภาพร่างกายดีขึ้นโดยการงดไขมันจากสัตว์ จึงงดการรับประทานโปรตีนจากสัตว์แล้วหันมาบริโภคโปรตีนจากพืชผ่านผลิตภัณฑ์ Plant-Based แทน โดยเราสามารถเจาะลูกค้ากลุ่มนี้ด้วยการชูความสุขภาพดีผ่านวัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหาร นอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์ Plant-Based แล้วอาจจะใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารเคมี เป็นพืชผักออแกนิก ไม่ใช้สารปรุงแต่งอาหารมากมาย ใช้น้ำมันดี มีไม่โซเดียม อาหารปรุงสุกสะอาดปลอดภัย เท่านี้ก็จะพิชิตใจกลุ่มคนรักสุขภาพให้กลายมาเป็นลูกค้าได้ไม่ยากแล้ว
กลุ่มลูกค้าสายมูในธุรกิจอาหารวีแกนและมังสวิรัติ
เราขอเรียกกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ตามวัตถุประสงค์ของการหันมากินมังสวิรัติหรือวีแกนด้วยเหตุผลในการมูเตลู หรือเพื่อความสบายใจให้ได้บุญจากการงดรับประทานเนื้อสัตว์ กลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้จะไม่ได้มีตลอด จะมีเป็นช่วง ๆ เช่น หันมากินมังสวิรัติเพราะบนเอาไว้ หรือกินเพราะถือศีลสะเดาะเคราะห์ กินเฉพาะวันพระ กินเฉพาะวันเกิด หรือกินในช่วงเทศกาลกินเจ แม้ว่าลูกค้าเหล่านี้จะไม่ได้เป็นลูกค้าประจำ เป็นลูกค้าขาจรที่มาเป็นช่วง ๆ แต่ถ้าเราสร้างความประทับใจให้พวกเขาได้ก็มีแนวโน้มที่เขาจะกลับมาทุกครั้งที่อยากจะรับประทานมังสวิรัติหรือวีแกนชึ้นมา
กลุ่มลูกค้าเฉพาะในธุรกิจอาหารวีแกนและมังสวิรัติ
ในสายการรับประทานมังสวิรัติและวีแกนที่อาจเรียกรวม ๆ ว่าการไม่รัยประทานเนื้อสัตว์นั้นจริง ๆ แล้วมีแยกประเภทย่อยลงไปอีก ดังนี้
- วีแกน หรือ Vegan คือ ผู้ที่ไม่บริโภคทุกสิ่งทุกอย่างที่มาจากสัตว์แบบเคร่งครัด ทั้งเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มาจากสัตว์ รวมไปถึงไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีการทดลองในสัตว์ด้วย เรียกได้ว่าอะไรที่มีการเบียดเบียนสัตว์หรือมีสัตว์เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการผลิตจะไม่บริโภค กลุ่มนี้จะบริโภคผัก ผลไม้ ลัญพืชแบบ 100%
- มังสวิรัติ หรือ Vegetarian คือ ผู้ที่งดรับประทานเนื้อสัตว์ แต่ยังรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ได้ เช่น น้ำผึ้ง เนย ชีส นม ไข่ เป็นต้น
- เจ คือ ผู้ที่งดรับประทานเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ทุกชนิด และยังงดรับประทานผักที่มีกลิ่นฉุน 5 อย่าง ได้แก่ กระเทียม หัวหอม กุยช่าย กระเทียมโทนจีน และใบยาสูบ
- มังสวิรัติแบบยืดหยุ่น หรือ Flexitarian คือ ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติแบบเป็นครั้งคราวสลับกับการรับประทานเนื้อสัตว์บ้างในบางมื้อ
เราจะทำธุรกิจอาหารเจาะคนกลุ่มไหนก็ต้องวาง target ลูกค้าให้ชัดตั้งแต่แรก ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่ควรวางไว้เป็นกลุ่มเป้าหมายที่น่าจะคุ้มการลงทุนที่สุดก็คงเป็นกลุ่มวีแกน เพราะเน้นเจาะกลุ่มวีแกนกลุ่มเดียวก็สามารถทำอาหารที่ครอบคลุมหลากหลายกว่า ได้ทั้งกลุ่มมังสวิรัติ กลุ่มคนรักสุขภาพ และกลุ่มคนวีแกน
ในโลกของวิทยาศาสตร์อาหารมีการคิดค้นวิจัยและพัฒนา Plant-Based ให้ออกมาเหมือนกับเนื้อสัตว์เข้าไปทุกวัน พร้อม ๆ กับการเติบโตของธุรกิจอาหารวีแกนและมังสวิรัติ คนที่ตัดสินใจทำร้านอาหารวีแกนหรือร้านอาหารมังสวิรัติต้องติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา พร้อมกับศึกษาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อเพิ่มโอกาสในการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจ คิดค้นปรุงแต่งเมนูใหม่ ๆ เอาไว้สร้างจุดขายดึงดูดลูกค้า ก็จะช่วยทำให้ธุรกิจอาหารวีแกน-มังสวิรัติเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืนแล้ว
อ่านมาถึงบรรทัดนี้หวังว่าทุกคนคงพอมีคำตอบในใจบ้างแล้วว่าธุรกิจอาหารวีแกนและมังสวิรัตินั้นคุ้มไหมที่จะลงทุน ทั้งนี้ทั้งนั้นหากคุณมองเห็นโอกาสแล้วเริ่มก่อนลงมือทันทีโอกาสที่จะประสบผลสำเร็จก็เร็วตาม อ่านทริคธุรกิจการตั้งชื่อร้านให้ลูกค้าจดจำและไอเดียการขายของกินออนไลน์ได้ที่บทความ แชร์ไอเดีย ขายของกินออนไลน์ ขายอะไรให้ปัง คืนกำไรเร็ว!
สนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร 02-026-6423
Line: @zort