Social Commerce คืออะไร ในไทยมีอะไรบ้าง พร้อมยกตัวอย่างแบรนด์ไหนทำแล้วปัง

3 views

Social Commerce คืออะไร อันไหนมาแรง ตัวอย่าง 5 แบรนด์ ทำแล้วปัง

 

เชื่อมต่อคนซื้อและคนขายด้วย Social Commerce การตลาดยุคใหม่ที่เปลี่ยนโฉมการช้อปปิ้งออนไลน์ ผสานโซเชียลมีเดียที่กำลังได้รับความนิยม พร้อมบอกความแตกต่างจาก E-Commerce และเสนอแนะ 5 Social Commerce ในไทยว่าตัวไหนมาแรง ? รวมถึงการถอดสูตรกลยุทธ์การตลาดจากแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จโดยใช้โซเชียลคอมเมิร์ชว่าทำอย่างไร? ที่รับรองว่าอ่านจบ คุณสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจและแบรนด์ ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ดีมากยิ่งขึ้น

 

 

Social Commerce คืออะไร ทำไมถึงได้รับความนิยม  

เพราะการขายไม่ได้จำกัดแค่บนเว็บไซต์อีกต่อไปกับช่องทางของผู้บริโภคยุคใหม่ที่อยากพาไปรู้จักอย่าง Social Commerce คือ การขายสินค้า และบริการผ่านโซเชียลมีเดีย อาทิ TikTok, Facebook, Instagram, Lineshop หรือ X  ที่นิยมมากขึ้นจากความเฟื่องฟูของสมาร์ทโฟนที่ประชากรทั่วโลกต่างใช้งาน

ด้วยข้อดีที่เข้าถึงข้อมูลง่าย อัปเดตข่าวสารได้เป็นประจำและยังสามารถเลือกซื้อสินค้า หรือบริการต่าง ๆ บน marketplace ได้ทันทีผ่านแชท หรือคลิกเดียวจากคลิปวีดิโอรีวิว หรือการไลฟ์สดบนแอปพลิเคชั่น รวมถึงการตัวช่วยอย่างแชทบอกที่ตอบกลับข้อความอัตโนมัติทันที เมื่อลูกค้ามีความสนใจในสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าไม่ต้องรอนาน สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Social Commerce ถึงได้รับความนิยม

 

Social Commerce Vs E-Commerce ต่างกันยังไง

 

E-Commerce

หากพูดถึงอีคอมเมิร์ช (E-Commerce) คงไม่มีใครไม่รู้จักเพราะเป็นการขายสินค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง หรือแพลตฟอร์มของตัวเอง อาทิ Marketplace เช่น Shopee, Lazada, Amazon, eBay ที่เราคุ้นเคยด้วยข้อดี 

 

  • แบรนด์เป็นเจ้าของการดำเนินงานเองทั้งหมด โดยไม่ได้มีอัลกอรึทึมมากำหนดการแสดงสินค้า
  • รู้ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าได้มากขึ้นเนื่องจากถูกจัดเก็บบนเว็บไซต์ของตัวเอง
  • เหมาะกับเน้นขายสินค้ามูลค่าสูง หรือระบบสมาชิกมากกว่า
  • ต้องมีระบบหลังบ้านที่แข็งแรง
  • มีต้นทุนในการดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ เช่น การยิงโฆษณา หรือทำ SEO

 

 Social Commerce

แต่หากเป็นโซเชียลคอมเมิร์ช จะเน้นการขายไปที่โซเชียลมีเดียซึ่งเมื่อก่อนเราจะใช้แค่เสพข่าวสารและความบันเทิงเท่านั้น แต่ ณ ปัจจุบันสามารถใช้ในการสั่งซื้อสินค้าและบริการได้ด้วยที่ขอสรุปความแตกต่าง ดังนี้ 

 

  • เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่าย ไม่ต้องเสียค่ายิงโฆษณา หรือทำ SEO สูงหากเทียบกับอีคอมเมิร์ช
  • คลิกเข้าดูรายละเอียดสินค้าได้โดยตรง โดยไม่ต้องออกจากแพลตฟอร์ม 
  • จัดการคำสั่งซื้อค่อนข้างยากต้องมีระบบรวบรวมแซต หรือคำสั่งซื้อ 
  • ขายโดยพึ่งพาแพลตฟอร์มอื่น ๆ อาจจะปรับแต่งการตั้งค่าได้ไม่เยอะ 

 

 

5 Social commerce ในไทย อะไรที่กำลังมาแรง

แล้ว Social Commerce มีอะไรบ้าง ก็ขอแนะนำ 5 โซเชียลคอมเมิร์ชที่ครองใจผู้บริโภคยุคใหม่ ยังคงนิยมใช้อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ 

 

1. TikTok

ที่สุดของโซเชียลคอมเมิร์ช “Tiktok” ยืนหนึ่งจากการเติบโตสูงสุด โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ Gen Z ที่รักการทำคอนเทนต์ เสพติดวีดิโอสั้น ย่อยเนื้อหาง่ายที่มาฟร้อมฟังก์ชันการขายโดยเฉพาะ Shoppertainment อาทิ 

 

  • TikTok Shop ที่สามารถแสดง หรือขายสินค้าลิงก์ไปกับโพสต์ วีดิโอ หรือไลฟ์ได้โดยตรง
  • TikTok Live ที่ได้ทั้งขายของและสนทนากับกลุ่มลูกค้าได้ในเวลาเดียวกัน 
  • TikTok Affiliate ตัวเลือกใหม่สำหรับใครที่ชอบปักตะกร้า ในการให้ผู้ใช้งาน หรือ KOL ช่วยโปรโมทสินค้าแลกกับค่าคอมมิชชั่น 

 

2. Facebook

“Facebook” โซเชียลคอมเมิร์ชตำนานตลอดกาลที่ยังคงได้รับความนิยมโดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Gen X ที่รองรับรูปแบบคอนเทนต์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ อัลบั้มและคลิปวิดีโอที่เชื่อมต่อกับอินสตราได้ง่าย โพสต์เดียวได้ถึง 2 แพลตฟอร์ม พร้อมจุดเด่นในการขาย ได้แก่ 

  • Facebook Marketplace พื้นที่ลงสินค้าและโปรโมทขายบนแพลตฟอร์มได้โดยตรง 
  • Facebook Live ในการไลฟ์ขายของให้แบรนด์เปิดตลาด สร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคได้จำนวนมากแบบเรียลไทม์ 
  • Facebook Messenger ผ่านการแชทในการพูดคุยและปิดการขายได้โดยตรง

 

3. Instagram

โซเชียลมีเดียตามติดชีวิตอินฟลู ดารา สายแฟชั่นอย่าง “Instagram” พื้นที่ของเหล่าคนชิคที่ฮิตในหมู่ Gen Z และ Gen Y กับการทำคอนรูปภาพ และวิดีโอสั้น หรือ Reels ที่มียอด engagement ค่อนข้างสูงและนิยมใช้ในการทำ Social Commerce ในไทย อาทิ 

  • Sponsored Post ที่มักจะทำร่วมกับ Influencer หรือ KOL
  • Instagram Live การไลฟ์สดพูดคุบกับลูกค้าและปิดการขายได้ทันที 
  • Shoppable Post ที่เชื่อมต่อการโปรโมทเข้าสินค้าเข้ากับ Facebook Catalog ให้เลือกดูสินค้าได้ตามต้องการครบจบทีเดียวใน 2 แพลตฟอร์ม 

 

4. YouTube

สายวีดิโอยาว สายสตรีมมิงก็ต้องยกให้แพลตฟอร์มอันดับหนึ่ง “Youtube” ซึ่งมีกลุ่มผู้ใช้งานหลากหลายแทบทุกวัย โดยเน้นเนื้อหาวีดิโอทั้งแบบ Long form, Turotorial และรีวิว รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างวีดิโอสั้น (Shorts) ที่เป็นอีกหนึ่งโซเชียลคอมเมิร์ชที่แยากแนะนำ อาทิ 

  • YouTube Live เพื่อสร้างฐานผู้บริโภคเนื่องจากค่อนข้างมี Engament และอัตราการชมที่สูง
  • Creator Promotion เพิ่มปริมาณความต้องการซื้อ (Demand) ให้กับแบรนด์จากการใช้ KOL ในการช่วยโปรโมทสินค้า 
  • Product Review การสร้างวีดิโอที่เหมาะกับการอธิบายรายละเอียดสินค้าจุดดีและจุดเด่น เช่น Unbox หรือนำเสนอสินค้าโดยตรงอธิบายผ่านวีดิโอ

 

 

5. X (Twitter)

Social Commerce มี ช่อง ทาง ไหน บ้าง X เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ไม่อยากให้พลาดจากเสน่ห์ของการทวิตข้อความสั้น ๆ ที่ได้รับความนิยมสูงโดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Y และ Gen Z และยังเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนของคนที่ชอบอะไรคล้าย ๆ กันและยังมีฟังก์ชันที่เหมาะกับการทำ Social Commerce อาทิ 

  • Hashtag ที่นิยมใช้เพื่อช่วยในการค้นหาแบรนด์ หรือสินค้าของเราให้เจอได้อย่างง่ายดาย และยังนิยมใช้ในการทำแคมเปญที่นำเหล่าอินฟลู หรือ KOL นำเสนอสินค้า หรือบริหาร ที่ให้แฟนคลับ ดันติดเทรนด์ เปิดการมองเห็น เพิ่มยอดขายได้อีกหนึ่งช่องทาง 
  • Shops ที่สามารถมีหน้าร้านขายสินค้าได้บนแพลตฟอร์มโดย

 

 

 

ตัวอย่างการนำ Social commerce มาใช้จนประสบความสำเร็จ

CLUSE แบรนด์แฟชั่นนาฬิกาและเครื่องประดับสมัยใหม่ จากเนเธอร์แลนด์ ที่นำ Instagram มาขับเคลื่อนความสำเร็จด้วยการผสานภาพระยะใกล้ของเครื่องประดับและนาฬิกาเข้ากับภาพถ่ายของผู้คนสวมใส่ โดยเชิญชวนให้ผู้คนใช้แฮชแท็ก #CLUSE และ #CLUSEclub ในโปรไฟล์ Instagram ของตนที่เปรียบเสมือนการผสานเว็บไซต์และประสบการณ์ของผู้คนเข้าไว้ด้วยกัน

 

มากันที่ Sephora ร้านค้าปลีกความงามระดับโลก ที่ไม่ได้มุ้งเน้นแค่สร้างเนื้อหา แต่ให้สร้างประสบการณ์ผ่านการช้อปปิ้งที่นำแบบทดสอบ “Fragrance IQ” โพสต์บนโซเชียลด้วยการตอบคำถามสั้น ๆ เพื่อช่วยเลือกน้ำหอมหรือโคโลญจน์ที่เหมาะกับคุณที่สุด ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับประสบการณ์ที่แตกต่าง 

และ Burberry ที่เลือกใช้ Tiktok และ Facebook ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ผ่านโฆษณาขนาดเล็ก หรือวีดิโอสไตล์ Vine ให้มีความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่เปลี่ยนผลลัพธ์ได้ยาวไกลที่เน้นว่าต้องเล็ก สั้น โหลดไว แต่เนื้อหาจุใจเหมือนเคย

 

 

เชื่อมต่อการขายผ่านด้วยการตลาดยุคใหม่ผ่าน Social Commerce ที่ลงทุนน้อย ตลาดกว้างให้แบรนด์ถูกค้นพบที่ควรเลือกใช้โซเชียลคอมเมิร์ชให้เหมาะกับสไตล์ของแบรนด์ไม่ว่าจะ Tiktok, Facebook, IG หรือ X ด้วยการนำไปสร้างจุดขายที่ดี มอบประสบการณ์ที่แตกต่างจะช่วยดึงดูดผู้เข้าชมให้กลายมาเป็นลูกค้าเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และขยายการเติบโตได้อีกขั้น

 

หากไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรมาเชื่อมการขายบนแชทผ่านระบบ ZORT Social commerce ที่พร้อมให้คำปรึกษาและจัดการโซเชียลคอมเมิร์ชของแบรนด์และร้านค้าได้อย่างครอบคลุม 

 

 

สนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โทร 02-026-6423

Line: @zort