ส่อง Tool ยอดฮิตสาย E-Commerce ต้องมีกับ Magento 2 คืออะไร พร้อมวิธีการใช้งาน
ให้การจัดการคอนเทนต์ง่ายยิ่งขึ้นกับยุคที่ออนไลน์เข้ามามีบทบาทสำคัญสัมพันธ์กับผู้คนทั่วทุกมุมโลกส่งผลให้ข้อมูลกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างให้ความสนใจ แต่จะทำอย่างไรให้ข้อมูลที่นำเสนอออกไปตรงตามความต้องการของลูกค้าซึ่งจะต้องเริ่มต้นมาจากการจัดการข้อมูลให้เป็นระบบ โดยเราจะพาไปรู้จักกับเครื่องมือ Magento คืออะไร ทำไมถึงได้รับความนิยม พร้อมแชร์ทริคสำหรับผู้เริ่มต้นและธุรกิจที่กำลังมองหาตัวช่วยในการทำงานด้านคอนเทนต์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Magento คืออะไร ทำไมถึงควรมี
ก่อนอื่นเลยก็ต้องมาทำความรู้จัก Magento ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจัดการข้อมูลบนเว็บไซต์แบบ Content Management System (CMS) ในการพัฒนาเว็บไซต์ E-Commerce ที่มีฟังก์ชันการใช้งานที่ครบถ้วน โดยใช้ภาษา PHP ทำให้ผู้ใช้งานสามารถพัฒนาเว็บไซต์ได้ตั้งแต่ จัดหมวดหมู่สินค้า, อัปเดตจำนวนสินค้าในคลัง, ระบบชำระเงิน, การจัดส่ง, ระบบโปรโมชัน แต่ Magento ไม่ใช่โปรแกรมสำเร็จรูป ผู้ใช้จึงต้องเขียน Code ขึ้นมาเอง ซึ่งจะมีความยืดหยุ่นในการออกแบบ และมีฟังก์ชันอำนวยความสะดวกสำหรับการสร้างเว็บไซต์ได้มากกว่าอีกด้วย
Magento เหมาะกับธุรกิจแบบไหน
Magento เป็นโปรแกรมที่เหมาะกับธุรกิจ E-Commerce ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นร้านค้าขนาดเล็ก บริษัทขนาดใหญ่ หรือตัวแทนขายสินค้า รวมถึงผู้ที่ทำ Affiliate ก็สามารถนำไปใช้งานได้จริงจากการออกแบบระบบที่มีฟังก์ชันการใช้งานที่ยืดหยุ่น ให้เปลี่ยนโฉมเว็บไซต์กลายเป็น Shopping Mall Online ได้ง่าย ๆ อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้ค่ารายอื่นมาวางขายสินค้าบนหน้าร้านของเราได้อีกด้วย รวมถึงมีระบบ Dropship ที่ไม่ต้องสต๊อกสินค้าและกระจายสินค้าต่าง ๆ ได้ค่อนข้างรวดเร็ว
เทียบชัด! Magento ข้อดี-ข้อเสีย
ต่อมาก็อยากให้คุณผู้อ่านได้เห็นถึงข้อดีข้อเสียของ Magento ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจว่าควรซื้อไว้ใช้ในธุรกิจหรือไม่ ?
ข้อดี
- โปรแกรมสำเร็จรูปใช้งานได้ โดยทันทีซึ่งสามารถ open sources software ที่สามารถเขียนโค๊ดด้วยภาษาได้ง่าย ๆ ซึ่ง PHP ของระบบสามารถพัฒนาเว็บไซต์เองโดยไม่มีขีดจำกัดซึ่งมาพร้อมปลั๊กอินฟังก์ชันต่าง ๆ ได้ดี
- มี Interface ที่สวยงามผ่านงานดีไซน์ที่ทันสมัยและมีความยืดหยุ่นสูง
- รองรับการใช้งานได้หลายภาษา รวมทั้งช่องทางการขายอื่น ๆ
- รองรับการทำ SEO Magento
- สามารถดีไซน์หน้าตาของร้านค้าได้อย่างอิสระและมาพร้อมระบบหลังบ้านในการการจัดการสินค้าแบบครบวงจรที่สามารถนำไปใช้ได้ตั้งแต่ผู้ค้าปลีกรายย่อยไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่
- มีระบบแบ่งประเภทสินค้า (Configurable Product) และการค้นหาสินค้าแบบละเอียด (Advance Search)
- มีระบบ Dropship ที่เป็นประโยชน์กับตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่แค่เพียงเข้ามาดูเว็บไซต์ก็สามารถจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าของตัวแทนได้เลยโดยที่ไม่ต้องสต๊อกสินค้า
ข้อเสีย
- ผู้ใช้จะต้องมีความรู้ทางเทคในการเขียนโค้ดเพื่อเริ่มต้นใช้งานซึ่งหากไม่มีความรู้ทางเทคนิคอาจจะต้องมีต้นทุนเรื่องค่าใช้จ่ายในการพัฒนาโปรแกรมและในปัจจุบันราคาต้นทุนค่อนข้างสูง
- มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติ่มจากการโฮสต์แพลตฟอร์ม หรือการใช้เครื่องมือทางการตลาด
- ระบบค่อนข้างมีความซับซ้อนซึ่งต้องมีทักษะความรู้ หรือทำความเข้าใจในการใช้ระบบสักระยะ
- ต้องจัดการเกตเวย์การชำระเงินเอง
อยากเริ่มต้นใช้ Magento ติดตั้งยากไหม
ส่วนใครที่กำลังสนใจอยากมีโปรแกรม Magento ไว้ใช้งานแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร Zort เราได้สรุปเนื้อหาการใช้งานมาให้เบื้องต้นผ่าน 2 รูปแบบการใช้งาน ได้แก่ โปรแกรมติดตั้งบนคอมพิวเตอร์และการใช้งานบน Cloud Computing
โดยการใช้งานบนคอมพิวเตอร์จะเหมือนการใช้งานโปรแกรมทั่วไปที่จะต้องมีการติดตั้งโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ซึ่งสิ่งที่ตามมาในการคำนึงคือเรื่อง Hardware ที่เป็นข้อจำกัดในการพัฒนาไปจนถึงการรันระบบเว็บไซต์เนื่องจากปริมาณข้อมูลที่มหาศาลและยังส่งปลต่อความเสถียรในการทำงานจึงทำให้ผู้คนส่วนใหญ่จะนิยมเลือกใช้งาน Magento บน Cloud Computing กันมากกว่า
โดยจุดเด่นของ Magento บน Cloud Computing คือ เรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้รวดเร็วขึ้นด้วยฟังก์ชันที่มีความพร้อมในการรองรับปริมาณข้อมูลอย่างเพียงพอ รวมถึงเครื่องมือและทรัพยากรก็สามารถปรับความยืดหยุ่นให้เหมาะกับขนาดองค์กรได้ อีกทั้ง Instance Cloud, Network และ Storage สามารถปรับใช้งานได้ง่าย สะดวกและยังกำหนดค่าได้อิสระซึ่งอีกข้อที่เด่นไม่แพ้กันคือมาตรฐานรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับ โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแล 24 ชั่วโมง รวมถึงมีหน่วยข้อมูลกลาง Data Center ที่ได้รับการรับรองและมีมาตรฐาน ISO/IEC รองรับ
อ่านมาถึงตรงนี้คงจะพอเข้าใจแล้วว่า Magento คืออะไร ? ซึ่งก็คือ แพลตฟอร์มที่จัดการข้อมูลเว็บไซต์แบบ CMS ที่เหมาะกับธุรกิจสาย E-Commerce ทุกประเภท ทุกขนาดด้วยข้อดีคือเป็นโปรแกรมสำเร็จรูป ดีไซน์หน้าตาร้านได้อย่างอิสระและหากถามว่า Magento ทำ seo ได้ไหม ? แบบได้เลยว่าทำ SEO ได้เลิศสุด ๆ อีกทั้งยังรองรับการใช้งานได้หลายภาษา มีระบบการแบ่งสินค้าชัดเจน แต่อาจจะมีข้อเสียอยู่บ้างเรื่องการพัฒนาระบบที่อาจจะต้องอาศัยผู้เชี่ยว แต่ส่วนอื่น ๆ Magento 2 ค่อนข้างตอบโจทย์
หากใครสนใจ Magento ก็แนะนำให้เลือกรูปแบบ Cloud Computing แต่หากใครสนใจจัดการออเดอร์ง่าย ๆ ด้วยฟีเจอร์จาก ZORT สามารถเข้ามาสอบถาม หรือขอรับคำปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Zortout แบบฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
สนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร 02-026-6423
Line: @zort