1. เข้าสู่ระบบ Shopify ไปที่เมนู “Setting”
2. เลือก “App and sales channels”
3. เลือก “Develop apps” กดปุ่ม “Allow custom app development”
4. เลือก “Create an app”
5. ตั้งชื่อตามต้องการ
6. กด “Create app”
7. เลือก Overview
8. เลือก Configure Admin API scopes และ Configure Storefront API scopes
9. หรือสามารถเลือกตั้งค่าได้ที่แถบ “Configuration” 2 หัวข้อตามรูป
10. กดแก้ไขการตั้งค่าโดยเลือก “Configure”
11. การตั้งค่า Configuration ให้เลือกตั้งค่าเป็น Read/ Write ทุกหัวข้อ หรือเฉพาะหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับ “Product”, “Orders”, “Transactions and fulfillments”, “Products”, “variants and collections” และ “Inventory“
12. เลือก Webhook subscriptions เป็น version ล่าสุด (ส่วนนี้จะมีการเปลี่ยนแปลง Version ตลอด)
13. ตั้งค่าเรียบร้อย กด “Save”
14. กลับมาตั้งค่าหัวข้อ “Storefront API integration”
15. หัวข้อ Storefront API integration ให้เลือกตั้งค่าเป็น “unauthenticated_write_checkouts” และ “unauthenticated_read_checkouts” ในทุกหัวข้อ
16. กด “Save”
17. เมื่อตั้งค่าทั้ง 2 หัวข้อเรียบร้อย ให้กด “Install app”
18. เลือก API credentials
19. ไปที่หัวข้อ “Admin API access token” กด “Reveal token once” เพื่อสร้าง Key โดยสามารถทำไปใส่ที่หน้าระบบ ZORT ช่อง API Password บน ZORT และ “API key” นำไปใส่ในช่อง API Key
20. ตรวจสอบ URL หรือ Store Address โดยไปที่หัวข้อ “Domains”
ตัวอย่าง Store address ที่ใช้เชื่อมต่อ https://ชื่อเว็บร้านค้า.myshopify.com/
ขั้นตอนการเชื่อมต่อกับ ZORT
1. เข้าระบบ ZORT แล้วไปที่เมนู “ตั้งค่า” หัวข้อ “เชื่อมต่อบริการอื่น”
2. กด “เพิ่มช่องทางการขาย”
3. เลือกหัวข้อ “Website”
4. ช่องประเภท เลือก “Shopify”
5. นำ API Key และ Password ที่ได้ในขั้นตอนที่ 19 มาใส่ในช่อง API Key และ Password
6. กด “Verify” และ “บันทึก”
ขั้นตอนการตั้งค่า ZORT กับ Shopify
1. ไปที่หัวข้อ “รายละเอียดการตั้งค่า” กดปุ่ม “แก้ไข”
2. เมื่อคลิกปุ่มแก้ไข จะปรากฏหน้าต่างสำหรับตั้งค่าขึ้นมา
การตั้งค่าการส่งข้อมูลสินค้าจาก ZORT ไปที่ Shopify สามารถตั้งค่าได้ดังนี้
- อัพเดทข้อมูลสินค้าไป Shopify
การส่งข้อมูลสินค้า ได้เเก่ ชื่อสินค้า ราคาขาย รายละเอียดสินค้า น้ำหนัก เมื่อมีการเปลี่ยนเเปลงข้อมูลดังกล่าวบนระบบ ZORT
- อัพเดทจำนวนไป Shopify
การส่งจำนวนสินค้าไปยังระบบ Shopify เมื่อจำนวนสินค้าบนระบบ ZORT มีการเปลี่ยนเเปลง
- เลือกประเภทจำนวนที่ต้องการอัพเดท: การส่งจำนวนสินค้านั้น จะสามารถเลือกได้ว่าจะส่งจำนวนสต็อกคงเหลือ หรือสต็อกพร้อมขายขึ้นไป
- เลือกคลัง/ สาขาที่ต้องการอัพเดทจำนวนสินค้า สามารถเลือกได้ว่าจะนำสต็อกจากคลังสินค้าใดขึ้นไปแสดงบนแพลตฟอร์ม
สำหรับการตั้งค่าสถานะรายการขายที่มาจากระบบ Shopify สามารถตั้งค่าสถานะได้ ดังนี้
- นำเข้ารายการขายจาก shopify สามารถเลือกนำเข้ารายการทั้งหมดเพื่อให้การตัดสต็อกใน ZORT และ Shopify สอดคล้องกัน หรือเลือกนำเข้ารายการที่ชำระเงินและรายการ COD ได้
- ประเภทภาษี สามารถเลือกตามรายการขายจากแพลตฟอร์ม หรือรวมภาษีมูลค่าเพิ่มได้ หากมีค่าส่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้านค้าสามารถติ๊กที่ช่องเพื่อเปิดใช้งาน
- ชื่อสินค้า สามารถเลือกใช้เป็นชื่อตามรายการขายของแพลตฟอร์ม หรือชื่อสินค้าใน ZORT ได้
2. ตั้งค่าสถานะรายการทั่วไป เมื่อรายการขายจาก Shopify ถูกดึงมาที่ระบบ ZORT สถานะรายการสามารถตั้งค่าได้ ดังนี้
- ตั้งค่าเป็นรอโอนสินค้า: รายการขายจะมีสถานะเป็น “รอโอน” ทางร้านจะต้องมาเปลี่ยนสถานะรายการขายที่ระบบ ZORT อีกครั้งด้วยตนเอง
- ตั้งค่าเป็นโอนทันทีจากคลังสินค้า : สถานะรายการขายที่เข้าใน ZORT จะเปลี่ยนสถานะเป็น “สำเร็จ” ทันที ถึงแม้ทางร้านค้าจะยังไม่ได้จัดส่งสินค้าออกไปก็ตาม
- ตั้งค่าเป็นอัตโนมัติ : สถานะรายการขายจะอ้างอิงจาก shopify เช่น เมื่อมีการกดเรียกขนส่ง จะเปลี่ยนสถานะจาก “รอโอน” เป็น “รอส่ง” อัตโนมัติ ทำให้ทางร้านค้าไม่ต้องปรับสถานะเอง
คลัง/สาขาของรายการถูกยกเลิก (เฉพาะรายการที่ตั้งค่าสถานะอัตโนมัติเท่านั้น)
เมื่อรายการขายถูกยกเลิก (ทุกกรณี ) ระบบจะคืนจำนวนสินค้าไปยังคลังที่มีการตั้งค่าไว้ ซึ่งสามารถเลือกตั้งค่าได้ว่าจะให้ระบบยกเลิกรายการอย่างเดียว หรือยกเลิกรายการแล้วสร้างรายการรับคืนสินค้าด้วย
- ตั้งค่าสถานะการชำระเงิน สถานะการชำระเงินของรายการขายที่ลูกค้าชำระเงินผ่านระบบของ Shopify
- ตั้งค่าเป็นรอชำระ : สถานะการชำระเงินของรายการขาย จะเเสดงเป็น “รอชำระ” ซึ่งทางร้านจะต้องมากดเปลี่ยนสถานะรายการชำระเงินที่หน้าระบบ ZORT อีกครั้งด้วยตนเอง
- ตั้งค่าเป็นชำระครบ : สถานะการชำระเงินของรายการขาย จะเเสดงเป็นชำระครบทันที
- ตั้งค่าเป็นอัตโนมัติ : สถานะการชำระเงินจะเปลี่ยนสถานะตาม Shopify เช่น ถ้าลูกค้าชำระเงินเข้ามา สถานะจะเปลี่ยนจาก “รอชำระ” เป็น “ชำระครบ” อัตโนมัติ
ในส่วนของการตั้งค่าการชำระเงิน สามารถเลือกดึงข้อมูลช่องทางการชำระเงินได้ ดังนี้
1) ดึงข้อมูลช่องทางการชำระเงินจาก Shopify ระบบจะดึงช่องทางการชำระเงินใน Shopify เข้ามาใน ZORT ทุกช่องทาง
2) กำหนดช่องทางการชำระเงิน เป็นการกำหนดชื่อช่องทางการชำระเงินจาก shopee ซึ่งจะเป็น 1 ช่องทางการชำระเงิน/ 1 แพลตฟอร์ม เมื่อระบบดึงข้อมูลเข้ามาจะแสดงชื่อช่องทางตามที่ร้านค้าตั้งค่าเอาไว้
- ตั้งค่าการส่งข้อมูลรายการขายไป Shopify
- อัพเดทสถานะรายการสำเร็จ หากต้องการอัพเดทสถานะสำเร็จไป Shopify สามารถติ๊กที่ช่องสี่เหลี่ยมได้เลย
5. ลูกค้า
- ดึงข้อมูลลูกค้าจาก Shopify ข้อมูลลูกค้าจะเป็นไปตามรายการขายที่เข้ามา ซึ่งจะแสดงผลตาม Policy ของทางแพลตฟอร์มด้วย
- กำหนดข้อมูลลูกค้าเอง หากมีการกำหนดชื่อลูกค้าเอาไว้ เมื่อมีออเดอร์เข้ามาจะแสดงเป็นชื่อตามที่ได้ตั้งค่าเอาไว้ เช่น กำหนดชื่อลูกค้าที่มาจาก shopee เป็น “คุณเอ” เมื่อมีออเดอร์เข้ามาระบบจะแสดงชื่อเป็น “คุณเอ” ตามที่ตั้งค่าไว้
3. กด “บันทึก”
4. จากนั้นกลับมาที่การเชื่อมต่อและอัพเดทต่อข้อมูลต่าง ๆ เพื่อทำการอัพเดทข้อมูลตามที่ทางร้านค้าต้องการ ซึ่งจะมีให้หัวข้ออัพเดท ดังนี้
A. ร้านค้าสามารถทำการนำเข้าข้อมูลรายการสินค้าและจำนวนสต๊อกคงเหลือทั้งหมดจาก Shopify มาที่ระบบ ZORT ได้เลย โดยคลิกที่ปุ่ม “อัพเดท” ในหัวข้อนำเข้าข้อมูลสินค้า
B. นำเข้าข้อมูลรายการขายย้อนหลัง หากแพ็กเกจของร้านค้าหมดอายุและไม่มีออเดอร์จาก shopify วิ่งเข้ามาหน้ารายการขาย หลังจากต่ออายุแพ็กเกจแล้วสามารถกดปุ่ม “อัพเดท” เพื่อดึงข้อมูลรายการขายย้อนหลังได้
Tip : การจะนำเข้าข้อมูล รหัสสินค้า หรือ SKU ใน Shopify กับ ZORT จะต้องตรงกัน มิฉะนั้นจะทำให้รายการสินค้านั้น ๆ กลายเป็นสินค้าคนละชิ้นกันได้
เมื่อตั้งค่าต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลสต๊อกสินค้าจาก Shopify ข้อมูลก็จะถูกเชื่อมโยงมายัง ZORT โดยอัตโนมัติและสามารถที่จะดูรายงานต่างๆทั้งยอดขาย หรือ กำไรได้ทันทีไม่มีพลาด
สนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม : 02-026-6423
อีเมล: support@zortout.com
Line: @zort